หลังจากที่ได้ยุ่งเกี่ยวกับวงการคอนโด อสังหา ก็ทำให้ผมพอจะได้เห็นศักยภาพในการทำเงิน การทำงานแบบแลกกับเงิน การหาเงินมาจากการประกอบธุรกิจจริงๆมันเป็นอย่างไร (ก่อนหน้านี้ผมก็ทำงานกินเงินเดือนกันไป ไม่ได้คิดอะไรมากมาย) ถือว่าเป็น lesson learn ที่ได้มาทั้งโดยความเจ็บปวด และความสนุกครับ เราทำงานไปหาเงินกัน หาเงินให้มากๆ ก็ไม่รู้จะเอาเงินไปใช้ทำอะไรเหมือนกัน 555 แต่ที่แน่ๆ เพราะเจ้า “เงิน” นี่หล่ะที่ทำให้คนสังคมเดินไป หลายๆคนทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปก็เพื่อหาเงินกัน วันนี้ผมเลยจะมาแชร์ข้อคิด บทเรียนที่ผมได้จากการหาเงิน ให้เพื่อนๆฟังกันนะครับ . คนเราไม่มีวันพอ !!! เราไม่มีวันมีเงินเยอะพอ เพราะเราจะเทียบกับคนที่มีเงินเยอะกว่าเสมอ อันนี้ก่อนหน้านี้ผมไม่เชื่อนะ แต่พอเราหาเงินได้เยอะขึ้นจริงๆ อย่างแต่ก่อนหาลูกค้ามาได้ บอกได้ค่าดำเนินการ 50,000 บาท เราก็คิดว่า ตัวเลขนี้มันเยอะแล้วนะ แต่พอทำไปทำมา ก็รู้สึกว่า 50,000 บาทมันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทำไมเราไม่สามารถหาเงินได้ทีละ 100,000 บาท หรือ 200,000 บาทหล่ะ มันจะเกิดคำถามแบบนี้ขึ้นมา หรือ พอเราคิดจะซื้อคอนโดเราก็มองว่าคอนโดห้องละ 5 ล้านบาท มันก็ได้สิ่งที่ ok แล้วนะ …
มีหลายๆคนมักจะหลังไมค์มาถามผมว่า จะซื้อคอนโดนี้ดีไหม? โครงการนี้ควรซื้อไหมคะ? พี่ว่าซื้อที่นี่แล้วราคาจะไปต่อไหม? ลงทุนปล่อยเช่าได้ไหมครับที่ตึกนี้ ? วันนี้ผมจะเอาวิธีการตอบคำถามเหล่านี้มาเล่าให้ฟังครับ ว่ามันมี logic ประมาณไหนในฐานะ blogger เรื่องอสังหา ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมาถามผมเรื่องโน่นนี่นั้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการซื้อคอนโด และการให้วิจารณ์ว่าคอนโดนั้นๆมันดีหรือไม่ดี ซึ่งผมก็ภูมิใจที่ได้รับเกียรติจากเพื่อนๆคนอื่นที่ไว้ใจและมาถามคำถามนะครับ ทีนี่วันนี้เลยอยากจะมาเล่าว่า วิธีการคิด ในการตอบคำถามของผมมันอยู่ที่ไหน เผื่อเพื่อนๆอ่านแล้วจะรู้ จะได้ไม่ต้องมาถามผมอีก 555 (ล้อเล่นนะครับ) หวังว่าอ่านแล้วจะรู้ว่ามีวิธีคิดในการเลือกคอนโด project ไหนดีนะครับ.1.จริงๆแล้วการตอบคำถามเหล่านั้นมันจะ base จากวิธีคิดของผมซึ่งอาจจะไม่ได้ตรงกับเงื่อนไข ของคนถามนะครับ มาเริ่มกันเลย เวลาลูกเพจมาถาม มักจะเริ่มมาจากการที่เค้ามี project ที่สนใจอยู่แล้ว อย่างเช่น “ผมคิดว่าจะซื้อ The Line ราชเทวี คุณวินคิดว่าอย่างไร ?” ผมก็จะคิดอย่างนี้ครับ ต้องบอกก่อนว่า คนถามส่วนใหญ่ ถ้าเค้าหยิบ project ไหนมาถาม แสดงว่าใจของเค้าไปอยู่กับ project นั้นแล้วนะครับ ซึ่งสำหรับผม ผมจะยังไม่เจาะไปที่ project นั้นอย่างเดียว ผมมักจะย้อนไปที่คำถามว่าได้มอง …
ผมเข้าใจว่า คอนโดที่เป็นแบบ fully furnished นั้นซื้อง่ายครับ ซื้อมาแล้วห้องก็พร้อมเข้าอยู่ทันทีเลย ใครจะปล่อยเช่า ก็คงจะคิดว่า สบายๆ ก็ให้เช่าไปทั้งๆที่ห้องมาอย่างนั้นนั่นหล่ะ แต่ ๆ ๆ ๆ จริงๆแล้ว คอนโดปล่อยเช่า เรามีคู่แข่งอยู่เยอะหลายห้องนะจ๊ะ ยิ่งถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ห้องเราก็จะเหมือนกับห้องคนอื่นๆอีกหลายสิบ หลายร้อยห้อง แล้วเมื่อไหร่ คนเช่าจะเลือกห้องเราหล่ะ …. คิดๆๆๆ ดังนั้นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะสร้างความโดดเด่น แตกต่างให้กับห้องเราก็คือ การตกแต่ง แต่มันเป็นการตกแต่งแบบ light weight สบายๆ เพราะส่วนใหญ่ เราใช้เฟอร์เดิมอยู่แล้วนิ มาลองดูตัวอย่างกันเลยครับห้องนี้เป็นห้องใหม่ เพิ่งจะตกแต่งเสร็จที่ VENIO สุขุมวิท10 เดิมทีเป็นห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ให้มาแบบ fully furnished อยู่แล้วครับ ผมมาตกแต่ง touch up ซะมากกว่า โดยเน้นงานแบบแห้ง ไม่ต้อง require ช่างอะไรมากมาย มาไล่ดูกันเลยว่า เราควรจะทำเรื่องอะไรกันบ้าง. 1. Wallpaper : อันนี้สำคัญนะครับ …
“กด undo ตรงไหน มีทางได้ไหมให้แก้ตัว” หลังจากที่ผมคลุกคลี ลงทุนในวงการคอนโดมา มีหลายอย่างที่ผมได้เรียนรู้ และ มีหลายอย่างที่มุมมองมันค่อยๆเปลี่ยนไปจากวันแรกที่เริ่มเข้ามา ก็เลยอยากจะเล่าให้เพื่อนๆฟังว่า จากประสบการณ์โดยตรงของตัวผมเอง ผมได้เรียนรู้อะไรบ้าง ถ้าให้กลับไปทำอีกรอบ ไปลงทุนอีกรอบ จะทำอะไร ไม่ทำอะไรเนอะ 1. ซื้อห้องเล็กๆเยอะไป … พอชีวิตเปลี่ยนไป อยากได้ห้องใหญ่ขึ้นก็หมดกระสุนแล้ว …. ผมว่าหลายๆคนคงจะเป็นอย่างนี้คือ คอนโดห้องแรกๆที่ซื้อจะเริ่มจากซื้อห้องเล็กก่อน อย่างตัวผมเอง ช่วงแรกๆที่ซื้อลงทุน ก็จัดห้องหนึ่งนอนมาหลายห้อง (กระจายอยู่ในเมือง หลายๆที่) ซื้อไปซื้อมาจนวันนึงกลับมามอง ลองคิดว่า แล้วถ้าผมจะไปอยู่คอนโดจริงๆ ครอบครัวผมจะเข้าไปอยู่ได้ยังไงเนี่ย สมาชิกในบ้านมีตั้ง 4 คน ทำไมตอนนั้นไม่ซื้อห้องใหญ่ๆไปเลยทีเดียว กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้วครับ มาย้อนดูเราน่าจะซื้อห้องแบบ 100 ตร.ม.++ สัก 1 ห้องเก็บไว้ ดีกว่าไปซื้อคอนโดหนึ่งห้องนอน 34 ตร.ม. x 3 ห้อง เพราะอนาคตเกินอยากย้ายเข้ามาอยู่คอนโดก็สามารถจะมาอยู่ได้ ดูตรงกับ lifestyle เรามากกว่า และก็แอบมองว่าคอนโดห้องใหญ่มันมีความ …
ต้องบอกว่าปีๆหนึ่งผมดูคอนโดมาเยอะเหมือนกันนะครับ ก็จะเห็นได้ถึงความแตกต่างของแต่ละคอนโด แต่สิ่งที่ผมเห็นได้อย่างชัดเจนที่ Scope Promsri ก็คือความคิด detail ที่ทางเจ้าของได้ใส่ลงไป มีการคิดแบบอินไซท์เอาท์ทำให้ตัวคอนโดมีคาแรกเตอร์และมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งพอกลุ่มเป้าหมายมันชัดเจน การออกแบบดีไซน์,การจัดส่วนกลาง,การจัดspec ของที่ให้มาในห้องมันก็จะชัดเจนไปด้วยครับ (ผมแอบเห็นในหลายๆ Developer เวลาทำคอนโดจะคิดจากภาพใหญ่แบบ outside in คิดว่าภายนอกทำยังไงให้ตึกมันดูสวย ทำยังไงให้มันดูเว่อร์ บางทีก็ลืมไปว่าคนอยู่อาศัยเค้าไม่ได้รู้สึกแบบนั้นไปด้วย หรือมันทำให้ product ที่ออกมากลับกลายเป็นห้องที่โค้งบิดเบี้ยวไม่ได้ตอบโจทย์คนอยู่อาศัยอย่างแท้จริง) ในบทความนี้ต้องบอกว่าผมได้รับโอกาสดีดีที่ได้คุยกับคุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ CEO และเจ้าของบริษัท Scope ทำให้ผมได้พบกับ insight ความคิด วิธีการที่ปั้น Scope Promsri ออกมาจนเป็นอีกหนึ่งในคอนโดที่ได้รับกระแสที่ค่อนข้างดีจากลูกค้า คนที่ซื้อไปก็บอกต่อพาเพื่อนๆมาซื้อ (หลายคนที่ซื้อที่ผมรู้จัก เค้าจะรู้สึกได้เลยถึงความชัดเจนของสิ่งที่ Scope Promsriให้ ) วันนี้เลยจะมาขอพูดเกี่ยวกับ Scope Promsri อาจจะในมุมเบื้องหลังนิดๆ อยากจะให้ฟังคนที่เค้าคิดรายละเอียดมาจริงๆมันเป็นอย่างไรบ้างนะครับ ก็ลองติดตามอ่านดูแล้วกันอาจจะไม่ได้เหมือนรีวิวคอนโดทั่วไปแต่ผมว่าอ่านแล้วน่าจะ in ไปกับ product ตัวนี้จริงๆครับ หิหิหิ เริ่มจากส่วนแรกที่ผมเห็นหลายๆคนที่ได้อ่านบทความเกี่ยวกับ Scope Promsri ก็จะได้เห็นถึงจำนวนของสเปคของที่ให้มาในห้อง ซึ่งถือว่าให้มาเยอะมาก !!! ไม่ว่าจะเป็น โซฟา Prado จาก Ligne Roset ออกแบบโดย Christian Werner ,เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวจาก MÍELE , และยังมีอีกหลายๆอย่าง (เดี๋ยวผมค่อยพูดในบทความ) ซึ่งผมว่าตรงนี้เป็นจุดต่างใหญ่ของคอนโดนี้เลย เพราะตัว Scope Promsri เค้าให้ของภายในห้องมาครบสมบูรณ์แบบเราหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย แต่ในความครบสมบูรณ์นั้นมันไม่ใช่คิดว่าแค่ว่ามีๆไปให้มันครบๆ แต่ๆๆๆมันเป็นความคิดแบบใส่ใจในรายละเอียดมาจริงๆครับ ถ้าอ่านแต่ specsheet อย่างเดียวก็อาจจะงงว่าอะไรมันเยอะแยะไปหมด มาไล่จากความคิด behind the scene กันดีกว่าครับ ว่าทำไมเค้าถึงให้สิ่งเหล่านั้นมา #อยากให้คนอยู่นอนหลับสบายเหมือนอยู่โรงแรม คุณยงยุทธพูดว่า มืดสนิท, เงียบสงัด, หลับสนิท อยากให้คนที่มาอยู่แล้วเค้านอนสบายนอนได้หลับเต็มตื่นจริงๆ … จากแค่ข้อความตรงนี้มันถอดออกมาได้หลายอย่างมากนะครับ เพื่อความมืดสนิท …
Lesson learn เรื่องอสังหา จากชีวิตในวัยเด็กของผม … บทความนี้ผมขอเอาประสบการณ์ตอนเด็กๆและวัยรุ่นของผมมา share นะครับ ยิ่งตอนนี้มีลูก ก็ยิ่งคิดว่า การสอนลูกเรื่องอสังหา เป็นสิ่งที่จำเป็นนะครับ เลยอยากจะเล่าว่าเด็กๆผมเจออะไรมา เผื่อมันจะช่วยให้เพื่อนๆที่เป็นพ่อ เป็นแม่คนมองไปว่า มีลูกแล้วจะต้องสอนอะไร หรือควรจะทำอะไร ไม่ทำอะไรเนอะ อ่านกันสนุกๆแล้วกันนะครับ 1. เรียนในเมือง อยากมีบ้านในเมือง อิจฉาเพื่อนๆที่มีบ้านในเมือง สมัยตอนที่ผมยังเรียนชั้นประถมผมเรียนโรงเรียนแถวแถวสาทรครับทุกวันก็จะต้องตื่นตอนเช้าเพื่อจะมาโรงเรียนให้ทัน เวลาที่คุณพ่อมาส่งผมที่โรงเรียนผมก็จะมองไปริมถนน มองไปในซอยย่านสาทร ย่านสีลมที่ขับผ่านแล้วก็นึกอิจฉาอยากจะมีบ้านอยู่ใกล้ใกล้โรงเรียนบ้าง ถ้าเราได้มีบ้านแบบนั้นมันก็คงจะดีคงจะเดินทางไม่ต้องตื่นเช้ามาก หรือที่ผมสังเกตบ้านเพื่อนเพื่อนหลายหลายคนที่อยู่สาทรเค้าก็มาโรงเรียนกันสายๆ chillๆ อาจจะเป็นเพราะว่าบ้านใกล้เลยตื่นสายละมั้ง คือมันก็เป็นแค่ความคิดตอนเด็กเด็กว่าทำไมพ่อแม่เราไม่ซื้อบ้านอยู่ในเมือง ทำไมเราจะต้องไปอยู่ฝั่งธนซะไกลอย่างนั้นนะครับ ผมคิดว่าพอโตขึ้นมามันก็เป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้เราอยากที่จะหาบ้าน หาคอนโดในเมือง ยิ่งพอเริ่มมีลูกก็เริ่มจะคิดวางแผนว่าเราควรจะมีคอนโดไว้ซักหนึ่งที่อยู่ในเมือง เพื่อจะยนย่อเวลาไม่ต้องเผชิญรถติดมากๆ ลูกจะได้มีเวลาไปทำโน่นทำนี่มากขึ้น มีความสุขกับชีวิตมากขึ้นครับ ถามว่าเราเรียน รู้อะไรจากเรื่องนี้ก็คงจะเป็นการซื้อทรัพย์สินเอาไว้ในเมืองแล้วเราได้ใช้งาน … คิดง่ายง่ายว่าถ้าผมต้องเรียนในเมืองอยู่ 16 ปีเป็นอย่างน้อย ทรัพย์สินที่ผมซื้อที่ปีที่1 แล้วเอาไปขายที่ปีที่ 16 แล้วมันเป็นที่ดิน,เป็นบ้าน,เป็นคอนโดที่อยู่ในเมืองยังไงเวลา 16 ปีผ่านไปมูลค่ามันเพิ่มขึ้นมากอยู่แล้ว ยังไงก็คุ้มครับยิ่งถ้าได้อยู่ก็เหมือนคุ้มค่าได้อยู่ฟรี ดังนั้นพอมีโอกาสโตขึ้นมาพอจะมีเงินเก็บบ้างก็ควรที่จะหาซื้ออสังหาในเมืองทิ้งไว้บ้างนะครับ . 2. …
พาไปดูงาน design เก๋ๆ ที่ Metris Pattanakarn Ekkamai , คอนโดออกแบบแนว mid century modern พร้อมกับการ featuring กับ Illustrator ตัวแม่ของไทย Jirayu Koo :: ถ้าเพื่อนๆได้ขับรถผ่านไปย่านพัฒนาการ-เอกมัย นอกจากจะได้เห็นถึงความเจริญเติบโตของถนนหนทาง และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของย่านนั้นแล้ว หลายๆคนคงจะ spot ได้ถึงตึกคอนโดสีเหลืองมัสตาร์ด สูงดูโดดเด่นด้วยรูปทรง shape เท่ห์ๆ แน่นอนครับ ตึกนั้นคือ คอนโด Metris Pattanakarn Ekkamai จากทาง Major Development ตัวผมได้มีโอกาสแวะเข้ามาดูตึกนี้มา ผมว่ามีอะไรเจ๋งๆ ที่สาย art หลายๆคนน่าจะชอบนะครับ เริ่มกันตั้งแต่ รูปทรงของตัวตึก และ การตกแต่งภายในของ lobby นั้นได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมแบบ Mid-century modern ที่จะเป็นงานที่เน้นความเรียบง่าย มีการใช้รูปทรงเลขาคณิต (สี่เหลี่ยม วงกลม …
มาแวะดูห้องตัวอย่างที่ noble Form Thonglor กันดีกว่า !!! Layout ห้องที่นี่สวยและน่าสนใจหลายห้องเลยครับ …. วันนี้มีเวลาเลยแวะมาดูห้องที่นี่อีกสักเที่ยวครับ มีหลายๆห้องที่ผมชอบ และเป็นห้องที่ลูกค้าหลายๆคนก็ดูแล้วชอบ (และขายดีมากๆด้วยนะครับ) มาไล่กันเป็นห้องๆไปเลยครับ (ทาง noble เค้าก็ใจดีทำห้องตัวอย่างออกมาให้หลากหลายแทบจะทุก type เลยนะครับ หิหิหิ) – One bedroom 31 sq.m. (simplex) : ห้องนี้เป็นห้องเล็กสุดของโครงการที่ราคาเริ่มต้น 6 ล้านกว่าๆ ก็จัดว่ามีการแบ่งห้องด้วยบานเลื่อนครับ กั้น ครัว+dining ออกจาก bedroom+living เป็น layout ที่ใหม่ดีครับ ยังไม่เคยเจอที่ไหน ผมว่าความดีงามก็คือ ตรงส่วน bedroom+living มันได้ความกว้างดี มีส่วน baywindow เอาไว้นั่งเล่นริมหน้าต่างด้วยครับ ผมว่าห้องนี้เป็นกึ่ง studio+one bedroom ถ้าจะซื้อเอาไว้ปล่อยเช่า งบไม่เยอะ ก็คงจะเลือกห้องนี้ได้ครับ หรือว่าอยู่คนเดียวในทองหล่อ ก็ห้องนี้เหมาะอยู่ครับ – …
KAVE SALAYA : ลงทุนคอนโดปล่อยเช่าทั้งที ต้องเลือกตัวนี้เด็ดจริงๆ ณ ปัจจุบันนี้การที่เราจะเลือกซื้อคอนโดที่เป็นการลงทุนปล่อยเช่าหา passive income เราจำเป็นจะต้อง selective มากๆหน่อยนะครับ จะซื้อแล้วกะว่าจะมีคนมาเช่าง่ายๆ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว !!! การแข่งขันมันสูง ดังนั้นเราควรจะเลือกซื้อ project ที่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน มี product ที่ unique + WOW เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งดูไปดูมาแล้ว KAVE SALAYA จากทาง AssetWise ลงตัวกับการลงทุนในทุกๆเหตุผลเลยครับ (ถ้าจะเข้าไปลงทะเบียน online ไว้ก่อนก็ได้ครับที่ https://bit.ly/3s2v7fT ) เริ่มไล่มาจาก “กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน” ที่ KAVE SALAYA นั้นเค้าเลือก location อยู่ติดถนนใหญ่ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของประเทศไทย ปีๆนึงมีนักศึกษา คณาจารย์ บุคคลากรที่เข้ามาที่มหาวิทยาลัยเป็นหลักหลายพันคน ยิ่งนักศึกษาที่เข้ามาใหม่ มีทั้งหลักสูตรธรรมดา และหลักสูตรนานาชาติ ดังนั้น demand ในการหาเช่าที่อยู่อาศัยก็ย่อมจะมีเยอะ …
คือในวงการคอนโด ถ้าให้พูดถึงdev ที่มาเน้นคอนโดระดับ luxury ราคาสูงๆ ทำเลเจ๋งๆ ผมว่า Esse หรือ พี่สิงห์ของเรา เค้ารักษาผลงานได้ดีนะครับ ไล่มาตั้งแต่ Esse Asoke อันนี้ก็ดีงาม ใหญ่โตเว่อร์วัง คือให้ของมาคุ้มเกินคุ้ม ตามมาด้วย Esse at Singha Complex อันนี้ก็จัดว่าทำเลอยู่ใน environment ของพี่สิงห์เค้าเลย เป็น mix used ตัวคอนโดก็มีส่วนกลางที่ใหญ่ยักษ์มากๆ จนมาถึงพี่สิงห์ตัวล่าสุด ที่ต้องบอกว่าทำเล 0 เมตรรถไฟฟ้าทองหล่อ บวกด้วยการออกแบบที่ดี มีส่วนกลางที่เจ๋งมากๆ วันนี้เลยอยากจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังครับ ว่าผมไปดูที่ Esse Sukhumvit 36 มาแล้วผมรู้สึกยังไงบ้างครับ 🙂 เริ่มมากจากทำเล ต้องบอกว่าพี่สิงห์ 36 เรามีทำเลที่ปังมากๆเลยนะครับ เพราะว่าตัวคอนโดติดกับรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ แบบ 0 เมตรถึงทางขึ้นเลย และยังเป็นคอนโดที่อยู่ติดกับถนนสุขุมวิทสายหลัก จะวิ่งจากคอนโดเข้าเมือง ไปอโศก พร้อมพงษ์ ก็สบายมากๆครับ …