ต้องบอกว่าปีๆหนึ่งผมดูคอนโดมาเยอะเหมือนกันนะครับ ก็จะเห็นได้ถึงความแตกต่างของแต่ละคอนโด แต่สิ่งที่ผมเห็นได้อย่างชัดเจนที่ Scope Promsri ก็คือความคิด detail ที่ทางเจ้าของได้ใส่ลงไป มีการคิดแบบอินไซท์เอาท์ทำให้ตัวคอนโดมีคาแรกเตอร์และมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งพอกลุ่มเป้าหมายมันชัดเจน การออกแบบดีไซน์,การจัดส่วนกลาง,การจัดspec ของที่ให้มาในห้องมันก็จะชัดเจนไปด้วยครับ (ผมแอบเห็นในหลายๆ Developer เวลาทำคอนโดจะคิดจากภาพใหญ่แบบ outside in คิดว่าภายนอกทำยังไงให้ตึกมันดูสวย ทำยังไงให้มันดูเว่อร์ บางทีก็ลืมไปว่าคนอยู่อาศัยเค้าไม่ได้รู้สึกแบบนั้นไปด้วย หรือมันทำให้ product ที่ออกมากลับกลายเป็นห้องที่โค้งบิดเบี้ยวไม่ได้ตอบโจทย์คนอยู่อาศัยอย่างแท้จริง) ในบทความนี้ต้องบอกว่าผมได้รับโอกาสดีดีที่ได้คุยกับคุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ CEO และเจ้าของบริษัท Scope ทำให้ผมได้พบกับ insight ความคิด วิธีการที่ปั้น Scope Promsri ออกมาจนเป็นอีกหนึ่งในคอนโดที่ได้รับกระแสที่ค่อนข้างดีจากลูกค้า คนที่ซื้อไปก็บอกต่อพาเพื่อนๆมาซื้อ (หลายคนที่ซื้อที่ผมรู้จัก เค้าจะรู้สึกได้เลยถึงความชัดเจนของสิ่งที่ Scope Promsriให้ )
วันนี้เลยจะมาขอพูดเกี่ยวกับ Scope Promsri อาจจะในมุมเบื้องหลังนิดๆ อยากจะให้ฟังคนที่เค้าคิดรายละเอียดมาจริงๆมันเป็นอย่างไรบ้างนะครับ ก็ลองติดตามอ่านดูแล้วกันอาจจะไม่ได้เหมือนรีวิวคอนโดทั่วไปแต่ผมว่าอ่านแล้วน่าจะ in ไปกับ product ตัวนี้จริงๆครับ หิหิหิ
เริ่มจากส่วนแรกที่ผมเห็นหลายๆคนที่ได้อ่านบทความเกี่ยวกับ Scope Promsri ก็จะได้เห็นถึงจำนวนของสเปคของที่ให้มาในห้อง ซึ่งถือว่าให้มาเยอะมาก !!! ไม่ว่าจะเป็น โซฟา Prado จาก Ligne Roset ออกแบบโดย Christian Werner ,เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวจาก MÍELE , และยังมีอีกหลายๆอย่าง (เดี๋ยวผมค่อยพูดในบทความ) ซึ่งผมว่าตรงนี้เป็นจุดต่างใหญ่ของคอนโดนี้เลย เพราะตัว Scope Promsri เค้าให้ของภายในห้องมาครบสมบูรณ์แบบเราหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย แต่ในความครบสมบูรณ์นั้นมันไม่ใช่คิดว่าแค่ว่ามีๆไปให้มันครบๆ แต่ๆๆๆมันเป็นความคิดแบบใส่ใจในรายละเอียดมาจริงๆครับ ถ้าอ่านแต่ specsheet อย่างเดียวก็อาจจะงงว่าอะไรมันเยอะแยะไปหมด มาไล่จากความคิด behind the scene กันดีกว่าครับ ว่าทำไมเค้าถึงให้สิ่งเหล่านั้นมา
#อยากให้คนอยู่นอนหลับสบายเหมือนอยู่โรงแรม
คุณยงยุทธพูดว่า มืดสนิท, เงียบสงัด, หลับสนิท อยากให้คนที่มาอยู่แล้วเค้านอนสบายนอนได้หลับเต็มตื่นจริงๆ … จากแค่ข้อความตรงนี้มันถอดออกมาได้หลายอย่างมากนะครับ
เพื่อความมืดสนิท มันถอดความออกมาได้ว่า ใช้ม่าน Motorised Blackout Blind ทำให้เวลาปิดแล้วมืดสนิท นอนหลับได้จริงจัง
เพื่อความเงียบสงัด กระจกหน้าต่างบานใหญ่ในห้องก็ต้องใส่กระจกที่กันเสียงได้ จึงเป็นที่มาของกระจกพิเศษแบบ Reflective Glass ฝัง Acoustic Film เพื่อทำให้เสียงภายนอกเข้ามาได้น้อยลงไปอีก 30% และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อาศัย
เพื่อให้หลับสนิททางทีม Scope ก็ใช้เลือกใช้ฟูกยี่ห้อ Simmons แบบเดียวกับที่โรงแรมหกดาวใช้ เพราะถ้าเราสังเกต เวลาที่เราไปนอนโรงแรมดีๆ แล้วทำไมเราถึงรีชาร์จได้เต็มที่ นอนแล้วมันเต็มอิ่ม สาเหตุหลักๆมันคือฟูกครับ ที่ Scope Promsri เค้าก็เลยจัดฟูกเกรดโรงแรมหกดาวมาให้แถมด้วยผ้าปูที่นอนแบบ 400 เส้นให้คนอยู่อาศัยได้นอนกันอย่างสบายใจสุดๆครับ
#Sofaตัวละ 350,000บาท แต่ใช้โคตรคุ้มเลย
ห้องทุกห้องที่ Scope Promsri จะมาพร้อมกับโซฟา Prado จาก Ligne Roset ออกแบบโดย Christian Werner ตัวละ 350,000 บาท!!! ต้องบอกว่าโซฟาตัวนี้ตอนนี้ดีไซน์ดีงามมาก (แต่ถ้าดูเผินๆก็อาจจะไม่เข้าใจว่ามันจำเป็นจะต้องเป็น Prado ด้วยเหรอ) แต่พอผมได้เห็นหลักการและวิธีการใช้งานจริงที่ทางคุณยงยุทธสาธิตให้ดูผมก็ถึงบางอ้อครับ
โซฟา Prado มีดีไซน์ของพนักพิงที่คล้ายกับหมอนสามเหลี่ยม สามารถที่จะย้ายหมุนมุมเข้าออกได้ มันทำให้เราสามารถที่จะกลับด้านโซฟาอย่างเช่น
- เราอยากจะนั่งดูทีวีเราก็หันหมอนไปทางด้านหน้าต่างและพิงไป สายตาเราก็จะดูทีวีได้
- เวลาเราอยากที่จะนั่งชมวิวจากหน้าต่างเราก็แค่หมุนหมอนกลับอีกฝั่งหนึ่งและนั่งหันหน้าไปทางหน้าต่าง ก็สามารถนั่งชมวิวผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องเราได้
- เวลาที่มีเพื่อนมาเยี่ยมอาจจะมาพักในห้องชั่วคราวเราก็สามารถที่จะเอาหมอนพิงทั้งสองใบลงและใช้โซฟาตัวนี้เป็นเตียงนอนง่ายง่ายได้ด้วยครับ
- ย้ายตำแหน่งได้สะดวก ด้วยขนาดของโซฟาที่กว้าง 180 cm มันทำให้เราสามารถจะปรับตำแหน่งโซฟามาอยู่ที่ริมหน้าต่างแบบที่โชว์ที่ sale office หรือจะย้ายโซฟามาอยู่ที่ปลายเตียงสามารถที่จะย้ายมุมได้ง่าย หรือแม้กระทั่งถ้าอยากจะเอาโซฟานี้ไปชิดกับเตียงเหมือนเป็นส่วนต่อขยายของเตียงก็สามารถที่จะทำได้อีกครับ
- เอาเป็นว่าโซฟาตัวนี้มันไม่ใช่แค่แบรนด์หรูดูดี แต่มันยังมีอรรถประโยชน์ที่มากมาย สะท้อนให้เห็นถึงการใส่ใจในรายละเอียดของทีมสโคปจริงๆ คุณยงยุทธยังได้เสริมอีกว่าโซฟานี้ทาง Scope เค้าไป deal กับเจ้าของแบรนด์เอง และนำเข้าเอง ซื้อแบบมีจำนวนช่วยทำให้สามารถคุม cost ได้ ถ้าจะปล่อยให้เจ้าของห้องไปซื้อโซฟาแบบนี้กันเอง ผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยคงจะไม่ได้นั่งโซฟาดีๆแบบนี้แน่นอนครับ
#ทำไมที่นี่มีแต่หนึ่งห้องนอน สะท้อนถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
คอนโดนี้มีแต่หนึ่งห้องนอน ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ตอนแรกที่ผมอ่าน spec ของคอนโด ผมก็เกิดข้อสงสัยครับว่าทำไมถึงมีแต่หนึ่งห้องนอนขนาด 28 -34 ตารางเมตร แต่พอได้มาคุยกับทางทีม Scope ก็ถึงได้เข้าใจแนวคิด คอนโดนี้เค้าจับกลุ่ม Young International Premium นะครับ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อายุยังไม่เยอะ เน้นการอยู่อาศัยเพียงแค่คนเดียว และด้วยความที่รายได้อาจจะยังไม่ได้สูงมากทำให้ package ราคาที่จัดออกมามีความสำคัญอย่างมากครับ อย่างราคาที่นี่ตกอยู่ประมาณ 6-8 ล้านบาทเป็นช่วงราคาที่คนกลุ่มนี้สามารถซื้อได้ ดังนั้นด้วยเป้าหมาย target group ที่ชัดเจนก็เลยทำให้เกิดการดีไซน์ห้องที่มีลักษณะของ one bedroom เกิดขึ้น จริงๆแล้วในมุมของ developer การขายห้อง one bedroom ทั้งหมดมันเป็นเรื่องที่เหนื่อยขึ้นนะครับ เพราะต้องการจำนวนลูกค้าที่มากขึ้นแต่ที่ Scope เขาก็พร้อมที่จะเหนื่อยเพราะมองว่ามัน serve กับตลาดได้อย่างชัดเจน
อย่างด้วย pack ราคานี้ถ้าค่าผ่อนก็น่าจะอยู่ประมาณ 20,000 ถึง 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคนรุ่นใหม่ที่อยากหาที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง เค้าน่าจะมีศักยภาพที่จะแบ่งเงินส่วนนี้ออกมาผ่อนในแต่ละเดือนได้อยู่แล้วครับ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจที่เค้ากล้าที่จะโฟกัสห้องให้เป็นหนึ่งห้องนอนทั้งหมด เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากๆครับ
#จัดของมาให้เยอะขนาดนี้ Scope จะมีกำไรหรือ ??
ราคาของ Scope Promsri อยู่ที่ประมาณ 230,000 บาทต่อตารางเมตร (ผมถือว่าราคานี้กับของที่ได้ กับทำเลที่ได้มันคุ้มค่ามากๆ) ที่ราคานี้เค้าให้ของขนาดนี้จะไหวหรือครับ ? อันนี้ก็เป็นคำถามส่วนตัวที่เกิดจากผมคุยกับทางคุณยงยุทธ ต้องบอกตามตรงว่าสเปคของที่ให้ในห้องนั้นผมว่ามูลค่ารวมๆกันทั้ง build in,ทั้งเตียง, ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ,ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆมันมูลค่าเกือบจะเป็นล้านแล้ว ถามว่าทำคอนโดขายราคาแค่ 6 ล้านกว่าบาทนี้ได้ยังไงนะครับ ทางคุณยงยุทธก็มีไอเดียว่าแกอยากจะให้ของดีๆให้กับคนอยู่แล้วแฮปปี้ ซื้อไปอยู่ 20 ปีแล้วมีความสุขกับห้องที่ได้ ไม่ใช่ขายของไปเสร็จแล้วควรจะต้องมาบ่นในภายหลัง ส่วนเรื่องกำไรมันต้องมีอยู่แล้ว อยู่ที่วิธีบริหารต้นทุน ถ้าไม่มีกำไรจริงแบงค์ก็คงจะไม่ใช่โปรเจคนี้ผ่านครับ หิหิหิ ผมว่าวิธีการพัฒนาของ Scope Promsri ก็คืออยากให้ทุกคนWin-Win กันหมด คนซื้อก็รู้สึกได้ถึงความคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้ คนขายก็ขายโปรเจคที่ตัวเองภูมิใจที่คิดมาดีแล้วและมีกำไรนะครับ ผมว่ามันเป็นแนวคิดการทำธุรกิจที่น่าสนใจ ไม่ใช่เราจะมาทำห้องลดต้นทุนที่สุด คนซื้อได้ห้องอะไรไปก็ไม่รู้แล้วก็มาบ่นกันทีหลังว่ามันไม่เห็นคุ้มค่าเลย
อย่างพวกคอนโดที่เปิดกันมากมายและที่บอกว่าขายไม่ออก ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ราคามันสูงกว่าสิ่งที่ลูกค้าได้ มันไม่เกิดความคุ้มค่าครับ มันก็เลยมองเหมือนว่าคอนโดมันโอเวอร์ซัพพลาย แต่ในทางกลับกันถ้าเราทำของที่ดีจริงๆมีความคุ้มค่าไม่ได้ทำราคาเวอร์เกินไป สุดท้ายยังไงของมันก็ขายได้ด้วยตัวมันเองครับ!!! อันนี้เป็นความเชื่อทางธุรกิจที่ผมว่าจริงมากๆ นะครับ เราไม่ได้มาขายกระแสเราขายการอยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ ถ้าของมันดีจริง ทุกคนที่เข้ามาก็เห็นถึงความดีนั้นครับ
ส่วนราคานี้ผมแอบถามคุณยงยุทธว่า COVID มีผลที่ทำให้ต้องเปิดราคาแข่งขันมากๆแบบนี้หรือป่าว ? ก็มีส่วนครับ ช่วงนี้ developer ทุกเจ้าพยายามจะทำของออกมาในราคาที่ลูกค้าเห็นแล้ว ต้องเกิดอาการอย่างได้มากๆ เอาจริงๆเลยผมว่าถ้าไม่มีโควิดเค้าคงไม่ทำราคาแบบนี้และให้สเปคของในห้องที่ดีขนาดนี้นะครับ ยิ่งบวกกับช่วงนี้ดอกเบี้ยถูกมาก เอาว่ามันเป็นจังหวะที่ดีของคนซื้อมากๆเลยครับ
#ทำไมที่นี่ต้องเก็บค่าส่วนกลางถึง 140 บาทด้วย
อันนี้ผมก็แอบสงสัยเหมือนกันในตอนแรก แต่พอได้เข้าใจวิธีคิดเบื้องหลัง ผมว่ามันง่ายดีนะครับ อย่างที่ Scope เค้าเน้นว่าจะใช้นิติของ Scope เองมาบริหาร คนอยู่อาศัยก็ไม่ต้องมาวุ่นวายมีคนจัดการมืออาชีพแน่นอน ที่สำคัญที่นี่เน้นให้บริการคล้ายๆเป็นโรงแรมมาดูแลให้ ที่เด่นๆก็เรื่องของการมีแม่บ้านที่จะทำความสะอาดห้องเราให้อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง คือถ้าคิดง่ายๆห้องที่นี่เดือนนึงจ่ายค่าส่วนกลางอยู่ประมาณ 4000 บาท เราได้ค่าทำความสะอาดห้องสี่ครั้งต่อเดือน ซึ่งมูลค่าการทำความสะอาดห้องสี่ครั้งก็ตกประมาณ 2,000 บาทแล้ว เทียบเท่ากับเราจ่ายค่าส่วนกลางจริงๆแล้วแค่ตารางเมตรละประมาณ 70 บาทเท่านั้น (ถือว่าไม่ได้แพงอะไรเลยนะครับ) คุณยงยุทธยังเสริมอีกว่า การที่เรามีแม่บ้านมาดูแลห้องให้ ก็จะทำให้ห้องมันดูดีตลอดเวลา และสภาพในคอนโดก็จะไม่ต้องมีคนนอกเดินเพ่นพ่านเข้ามาคอนโดก็จะเป็นระบบปิด มีความปลอดภัยที่สูงขึ้นด้วย หรือการใช้แม่บ้านที่ไม่ได้รับการ Train มาก็จะทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ของเราแบบผิดวิธีและเกิดความเสียหายได้ เอาว่าเป็นผลพลอยได้ซึ่งจากจุดนี้ก็เป็นการย้ำด้วยครับว่าเค้าคิดมาให้เยอะมากจริงๆ
อีกเรื่องที่ผมมองเกี่ยวกับค่าส่วนกลาง จริงๆแล้วค่าส่วนกลางมันเป็นเหมือนข้อตกลงเบื้องต้นของคนที่จะมาอยู่ด้วยกัน มันเป็นเหมือนการขีดเส้นกติกาถ้าคุณไม่พร้อมจะจ่ายค่าส่วนกลางแบบนี้ก็ไม่ต้องเข้ามาอยู่ดีกว่า เราให้คนเข้ามาอยู่แล้วสุดท้ายเค้าไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางผมมองว่าถ้าค่าส่วนกลางมันเยอะและบริหารได้ฉลาดมันกลับจะยิ่งทำให้คอนโดของเรามี valueที่สูงขึ้นด้วยซ้ำเพราะมีการดูแลรักษาในระยะยาวที่ดีกว่าครับ
#ทำไมต้องให้ของดีๆแพงๆภายในห้องด้วยอ่ะ
จริงๆ เรื่องพวกนี้ก็เป็นคำถามที่ผมสงสัยนะครับ อย่างเช่นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว ทำไมจะต้องให้เตาอบ ทำไมจะต้องให้เตาไฟฟ้ายี่ห้อ MÍELE แพงๆด้วย, ตู้เย็นก็เป็นแบบ build-in จากแบรนด์ Liebherr , สุขภัณฑ์ Wall-hung Washlet จาก Kohler บางคนอาจจะบอกว่าไม่เห็นจะจำเป็นเลย ในมุมมองของคุณยงยุทธแกมองว่าของเหล่านี้มันก็เหมือนเป็นของที่เป็นหน้าเป็นตากับคนซื้อ ทาง Scope อยากจะให้ได้ใช้ของที่ดีจริงๆ ถ้าให้คนซื้อคอนโดคิดไปซื้อแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ก็คงไม่มีใครที่จะซื้อของพวกนี้มาใช้ในคอนโดง่ายเพราะราคาสูงมาก แต่ๆๆๆเวลาเค้าทำคอนโดเค้าสามารถซื้อมาเป็น lot ใหญ่ๆได้ราคาต้นทุนที่ดี และคนอยู่อาศัยก็จะได้ใช้ของที่ดีด้วย ผมว่าเป็นมุมมองที่ดีนะครับ คิดง่ายๆว่าเราได้ใช้เครื่องไฟฟ้าเหล่านี้ในราคา discount รายใหญ่ (ไม่ใช้ราคา retail) และผู้อยู่อาศัยยังสามารถผ่อนซื้อ 30 ปีด้วยนะ หิหิหิ ผ่อนไปพร้อมกับคอนโดเลยไง (ถ้าเราไปซื้อเองเราคงไม่สามารถจะผ่อนใช้เครื่องไฟฟ้าได้ 30 ปีแบบนี้จริงไหมครับ)
อีกอย่างคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์พวกนี้ทนมาก ถ้าปล่อยเช่าห้องแล้วไม่ต้องมาคอยเปลี่ยนทำให้เสียโอกาสในการปล่อยเช่า)
ความปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทางคุณยงยุทธเค้าเน้นนะครับ
อย่างตึกนี้เป็น low rise แทบจะติดเดียวที่ติด sprinkle ดับเพลิงทั้งตึก เพื่อเพิ่มความปลอดภัย เพื่อนๆอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะงงว่าคอนโดมันก็ต้องมีหัวฉีดดับเพลิงอยู่แล้วซิ ไม่ใช่นะครับ โดยกฎหมายแล้วเค้าจะบังคับแค่คอนโดแบบตึกสูงที่จะต้องมีหัวดับเพลิง แต่คอนโดแบบ low rise นั้นไม่ได้บังคับ ดังนั้น เพื่อเป็นการประหยัด cost ส่วนใหญ่แล้ว developer ต่างๆเค้าก็ไม่ค่อยจะติดให้หรอกครับ ติดแล้วเสียกำไรไปเปล่าๆ แต่ที่นี่ไม่ใช่ครับ เสี่ยสั่งลุย หิหิหิ คือ เค้าเพิ่มตรงนี้ให้ลูกค้าจะได้สบายใจครับ
ในเรื่องของทำเล ทำเลซอยพร้อมศรีจริงๆแล้วในมุมมองของทาง Scope เค้ามองว่ามันเป็นโซนที่มีความเป็นชุมชนดั้งเดิม มีคนอยู่อาศัย มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ มีโรงพยาบาลสมิติเวช สามารถเดินทางเข้าออกซอยทองหล่อ เข้าออกซอยสุขุมวิท 49 เข้าออกซอยสุขุมวิท 39 ได้ไม่ยาก เป็นที่ที่อยู่แล้วน่าจะใช้ชีวิตได้สบายๆครับ ถ้าไม่ขับรถก็สามารถจะนั่งมอเตอร์ไซต์ หรือ รถสองแถว local แถวนั้นได้ (แบบที่เราเห็นคนญี่ปุ่นในซอยนั้นเค้านั่งกันเป็นเรื่องปกติ) ดังนั้นถ้าเพื่อนๆคนไหนที่สนใจคอนโดนี้ ผมแนะนำว่าลองไป walk in ลองไปดูสถานที่จริงกันด้วย ผมไปดูมาแล้วก็เห็นได้ว่ามันมีความเป็นโครงข่ายใยแมงมุมที่เดินทางไปไหนได้ค่อนข้างสะดวก และยังมี UFM Fuji ซึ่งทำให้ปล่อยเช่าญี่ปุ่นง่ายมากๆ อยู่ห่างไปเพียง 170 เมตร
คอนโดนี้เลี้ยงสัตว์ได้แต่ไม่ให้ตากผ้าหน้าห้องนะครับ !!! พอดีไปเห็นป้ายที่เซลล์ออฟฟิศเค้าเขียนเอาไว้เรื่องการเลี้ยงสัตว์ ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจครับเพราะว่าคนสมัยนี้พออยู่คนเดียวก็อาจจะเหงา อยากจะมีสัตว์เลี้ยง การที่ Scope Promsri สามารถที่จะเลี้ยงสัตว์ได้ก็จะทำให้เป็นมีความแตกต่าง ทั้งในมุมอยู่อาศัยเองก็ตัดสินใจง่ายที่จะเลือก Pet friendly condo หรือในมุมปล่อยเช่าก็มีผู้เช่าหลายคนที่เขามีสัตว์เลี้ยง และเขาหาคอนโดที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ ที่อยู่ในโลเคชั่นที่ดีแบบนี้ ,
ส่วนการไม่ให้ตากผ้านั้นผมมองว่าเป็นเรื่องดีนะครับ มันจะช่วยคุมทัศนียภาพภายในห้องเวลาเรามองไปที่ตึก เวลาเรามองวิวคอนโดมันก็จะดูดีเพราะว่าที่นี่ไม่ได้มีระเบียงขนาดใหญ่แต่มีเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่ และระเบียงแบบ Juliet balcony ถ้าทุกคนมาตากผ้ากันหมด ผมว่าตึกสวยสวยจะดูเศร้าทันที แต่เค้าก็จะมี grill มีส่วน facade ด้านนอกที่มันบางเครื่องซักผ้าไว้ ก็สามารถจะตากผ้าตรงนั้นได้ หรือเราจะซื้อเครื่องซักอบ แล้วก็พึ่งผ้าที่ตรงข้างๆกับเครื่องซักผ้าเราก็ได้ครับ
#บทสรุป “อะไรดี ผมก็ว่าดี ของเค้าดีจริงๆนะ”
ในมุมการซื้อห้องที่นี่ ผมคิดว่าคนซื้อคือคนที่ให้ value กับสิ่งที่ทาง Scope เค้าจัดมาให้นะครับ ผมเชื่อว่าที่นี่ซื้อแล้วมันสบายใจดี ยิ่งได้ฟังเบื้องหลังความคิดทางผู้บริหารมาแล้ว ผมว่า Scope Promsri เค้าน่าจะส่งมอบความรู้สึกดีๆให้กับคนอยู่อาศัยได้จริงๆ ยิ่งพิจารณาเรื่องราคา ผมว่าจังหวะนี้เป็นจังหวะที่ดีที่เราจะได้ของราคาคุ้มค่าแบบนี้นะครับ (ถ้าเป็นก่อน หรือ หลัง COVID ผมว่า Scope Promsri เค้าเปิดมาแพงกว่านี้แน่นอนครับ)
ถ้ามองในมุมการอยู่อาศัยเองผมว่าที่นี่น่าสนใจมากๆเพราะของที่ให้มาในห้องจัดว่าเป็นของที่ดีคุ้มเกินราคา ส่วนกลางและเซอร์วิสต่างๆเค้าก็ดูแลเทียบเท่ากับอยู่โรงแรม คิดง่ายง่ายว่าเหมือนคนซื้อห้องโรงแรมหนึ่งห้องเอาไว้อยู่ คุณภาพชีวิตผมว่าคุ้มดีครับ แต่ในด้าน location ก็อยากจะให้คนที่มาซื้อเป็นคนตัดสินใจก่อนว่า in กับ location หรือไม่ ผมว่าอย่างพี่ๆหมอที่ทำงานที่สมิติเวชเนี่ย ก็น่าจะมาเหมาซื้อห้องที่นี่กันได้เลย คุ้มโคตรเลย หิหิหิ
ในมุมของการซื้อเพื่อลงทุนถ้าเรามองว่าการปล่อยเช่าเดือนละซัก 30,000 บาทแล้วเราสามารถที่จะ offer serviceในส่วนของการทำความสะอาด เราสามารถให้ของที่ดีแทบจะที่สุดในบรรดาคอนโดย่านสุขุมวิท คอนโดอยู่ในย่านที่มีต่างชาติอาศัย และถนัดอยู่แล้ว (โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นชอบแถวนี้มาก) ก็ไม่น่าจะยากที่ตึกนี้จะมีคนเช่าตลอดนะครับ ผมยังเชื่อที่คุณยงยุทธบอกว่า ถ้าเราทำของดีๆ จะเร็วจะช้ายังไงก็ต้องมีคนเห็น เข้าใจ และมาซื้อ มาเช่าครับ ดังนั้น Scope Promsri จัดว่าเป็นคอนโดพื้นฐานดี ที่หาคนเช่าได้ไม่ยากแน่นอนครับ แต่ ๆ ๆ ๆ ในการลงทุน low rise ก็จะมีเรื่อง exposure ที่จะไม่ได้โดดเด่นมากนัก ตรงนี้คนซื้อลงทุนก็ต้องชั่งใจกันด้วยนะครับ และในอีกมุมหนึ่งของภายในห้องที่ spec ดีๆราคาแพงๆ ถ้าเอามาปล่อยเช่าก็อาจจะต้องทำใจนิดนึงเรื่องความเสียหาย หรือ การซ่อมแซมครับ ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นเรื่องที่คนจะลงทุนทำคอนโดปล่อยเช่า ต้องผ่านความคิดตรงจุดนี้ไปได้ก่อนนะครับ แต่ในทางกลับกันคุณยงยุทธก็พูดว่า “ใจเขาใจเราครับ คนเช่าก็อยากได้เช่าของดีเหมือนกันครับ” หิหิหิ
ก็ประมาณนี้นะครับสำหรับ Scope Promsri ต้องขอขอบคุณทางทีม Scope ด้วยที่อุตส่าห์สละเวลามาให้ข้อมูลกับผม ถ้าเพื่อนๆไปดูมาแล้วคิดเห็นยังไง มาคุยกันใน comment ได้นะครับ