The Crest Park Residence คอนโดที่ดีที่สุดในย่านห้าแยกลาดพร้าว

ถ้าคุณเป็นคนที่กำลังเลือกหาซื้อคอนโดในย่านห้าแยกลาดพร้าว แล้วอยากจะเลือก option ที่ดีที่สุด ผมบอกเลยว่าThe Crest Park Residence เป็นคอนโดที่คุณควรจะเข้ามาดูครับ รับรองว่าสิ่งที่ได้ ไม่ว่าจะเป็น Design ที่ดูผู้ดีสุดๆ, ส่วนกลางที่มีปริมาณเยอะน่าใช้ , Spec ในห้องที่ดีระดับ top ของคอนโดในกรุงเทพ., วิวสวน 700 ไร่, การเดินทางที่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ใกล้ห้างใหญ่ ใกล้ office มากมาย ยังไงที่ The Crest Park Residence ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจริงๆครับ จากที่ผมได้คุยกับเจ้าของห้องหลายๆท่านที่มาซื้อที่ The Crest Park Residence นะ เค้าก็จะดูคอนโดในย่านนี้มาแทบจะทุกตัวแล้วหล่ะ แล้วก็มาลงเอยที่ The Crest นี่หล่ะ เพราะมันดีกว่าจริงๆ แต่ สิ่งที่ได้มา รวมถึงคุณภาพชีวิตต่างๆนานา มันคุ้มค่าจริงๆครับ … ทีนี้เรามาลองดูรายละเอียดกันดีกว่าว่า ทำไมผมถึงบอกว่า The Crest Park Residence มันเป็นคอนโดที่น่าซื้อที่สุดในย่านห้าแยกลาดพร้าว

// Location \\

คอนโดมันจะดีได้ มันต้องอยู่ในทำเลที่ดีเนอะ อย่างโซนห้าแยกลาดพร้าวเนี่ย หลังจากการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย มันทำให้การเดินทางจากตรงแถวๆ Central ลาดพร้าวเข้าไปสยาม มันสะดวกขึ้นด้วยการเดินทางแบบต่อเดียวเลยนะครับ ซึ่ง The Crest Park Residence เป็นคอนโดที่ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน (อยู่ฝั่งตรงข้ามจาก Central ลาดพร้าว) อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าถึง 2 สายได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าว แค่ 20 เมตร จากคอนโด ก็ถึง Skywalk เดิน ไปถึงตัวสถานีได้แบบสวยๆเลย หรือจะไป MRT สายสีม่วง ก็อยู่ห่างจากสถานีพลโยธิน แค่  80 เมตรเอง (สายสีเขียวสามารถนั่งเข้าไปอโศก ไปสีลมได้ง่ายๆเลยนะครับ) ดังนั้นถ้าเราใช้รถไฟฟ้าเนี่ย ยังไง The Crest Park Residence ก็สะดวกมากๆเลยครับ นอกจากนี้ใน  zone ระยะเดินก็ยังใกล้กับCentral ลาดพร้าว, ใกล้กับ Union Mall, ใกล้กับ Lotus ยิ่งทำให้การใช้ชีวิตสะดวกมากๆเลยครับ นอกจากนี้พวกstreetfood ร้านอาหารอร่อยๆ ก็อยู่ในตึกแถวริมถนน เดินไปหาอะไรกินง่ายๆได้สบายเลยครับ

ส่วนถ้าคิดเรื่องการขับรถ ก็ถือว่าที่ The Crest Park Residence ขับได้สะดวกนะครับ จะไปขึ้นทางด่วนขั้นที่ 2 ก็ไปทางจตุจักรได้ หรือจะไปขึ้นทางด่วนดินแดงเพื่อเข้าเมือง หรือจะออกเมืองไปทางดอนเมือง ก็ไปทางถนนวิภาวดี-รังสิตหรือจะเข้าเมืองไปก็ไปทางพหลโยธิน เข้าไปเรื่อยๆก็ อารีย์ อนุเสาวรีย์ พญาไท ราชเทวีแล้วครับ แต่สิ่งที่สำคัญของทำเลห้าแยกลาดพร้าว ผมคิดว่ามันเป็นเมืองในเมืองอีกทีอ่ะ คือเราสามารถจะทำธุระทั้งหมดของเราในโซนห้าแยกได้จบหมดเลย แทบจะไม่จำเป็นต้องเข้าเมืองไปเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นห้างใหญ่ (อย่าง Central ลาดพร้าวนี้ ยอดขายเค้าเป็นอันดับ 2 ของประเทศเลยนะ เป็นรองแค่ Central World มันแสดงถึงกำลังซื้อของคนย่านนี้จริงครับ) Office+Headquarter ของบริษัทชั้นนำระดับประเทศ, มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ทั้งสวนจตุจักร สวนรถไฟ รวมๆกันพื้นที่มากกว่า 700ไร่อีก (ต้องถามว่าย่านไหนในกรุงเทพจะมีทุกอย่างพร้อมอย่างนี้ ผมว่าหายากเลยครับ)

// แนวโน้มการพัฒนาของพื้นที่ \\

ในโซนนี้ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ มีที่ดินผืนใหญ่ๆที่รอการพัฒนาอยู่หลายจุดเลยครับ และแต่ละจุดก็จะก้าวมาเป็นmega project ใหญ่ๆอย่างแน่นอน เอาง่ายๆ อย่างกลุ่ม Central เค้าก็มีที่ดินขนาด 47 ไร่ อยู่บนถนนพหลโยธิน (ฝั่งขาออก) ซึ่งก็รอพัฒนาเป็น Mixed use project ระดับหมื่นล้านแน่นอน หรือจะมองไปที่ ที่ดินของแดนเนรมิต ถ้าถูกนำมาพัฒนาก็น่าจะเป็น project ใหญ่มากๆ นอกจากนี้ยังมี Mochit Complex ที่เป็น Mixed use ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า9พันล้านของกลุ่ม BTS, Bangkok Terminal อีก project ใหญ่ของรัฐบาลที่จะสร้างบนที่ดินหมอชิตเดิม ,หรือตึกOffice grade A อย่างตึก S-Oasis ที่สร้างเสร็จพร้อมเปิดรับบริษัทดีๆ บริษัทระดับ top มาเช่าพื้นที่ ดังนั้น ถ้าเราซื้อThe Crest Park Residence เอาไว้ แล้วปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกไม่นาน ทำเลนี้มันก็จะเจริญ ขึ้นไปอีกเยอะแน่นอนครับ ซึ่งก็จะสะท้อนกลับมาที่มูลค่าของคอนโดเราที่จะปรับตัวสูงขึ้นไปตาม

// การออกแบบ \\

คอนโด The Crest Park Residence สร้างอยู่บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่ เป็นอาคารสูง 36 ชั้นมีทั้งหมด  418 Unit (โดยรวมๆถือว่า unit ก็ไม่ได้เยอะมากนะครับ เหมาะสมกับปริมาณที่ดินแล้วหล่ะ) มีที่จอดรถ 235 คัน (เป็นแบบ Automatic parking) ตัวโครงการรวมๆจะออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติครับ อย่างพวก Exterior ก็ใช้สีเข้มๆดูโดดเด่นสวยงามดี ด้านหน้าโครงการก็มีน้ำตก ดูสวย สร้างบรรยากาศได้ดีครับ พวกส่วนกลางต่างๆ ก็จัดเต็มาให้เยอะ และสวยเลย เริ่มกันตั้งแต่

ที่ชั้น 1 มี Lobby เพดานสูง ชื่อ Grand cave lobby โดยเอาแรงบันดาลใจจากความเป็น’Cave’ จะมีเคาน์เตอร์ต้อนรับใช้วัสดุที่เป็นหิน มีการตกแต่งผนังด้วยไม้ซี่ๆ มีบันไดวนสวยๆอยู่ตรงกลาง (มีภาพจำสวยเลย) ประกอบกับเพดานที่สูงกว่า 8เมตร ทำให้ lobby ที่นี่ดูเรียบหรู สูง โปร่ง สวยแบบ organic สบายตา ผมว่าแบบนี้เป็นความสวยที่อยู่ได้ยาวดี ไม่มีเชย เวลาเข้ามา zone ตรงนี้ทีไรจะรู้สึกสงบ สบาย มันมีความหรู แต่ก็มีความอบอุ่น homey ดีมากๆเลยครับ

ถัดเข้ามาจะมีประตูกัน zone ที่เป็น Private Lobby ให้ลูกบ้านได้มานั่งเล่นกันแบบเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตรงนี้ก็จะนั่งไปรายล้อมด้วยความเป็นธรรมชาติจากน้ำตก และโขดหินที่เค้าดึงเอามาจากสวนสีเขียวด้านข้าง ผมว่า chill ดีนะ และยังใช้เป็นจุดนั่งรอรถจากลิฟต์รถเข้ามาด้วยนะครับ ถือเป็นการวางพื้นที่ได้ดีเลยครับ

ส่วนที่ชั้น 2 ก็จะจัดเป็นห้องประชุม (มี meeting room ย่อยๆ หรือ จะเป็นห้องประชุมใหญ่ให้เลือกหลายขนาดเลย) และมี Business Lounge เอาไว้นั่งพูดคุยงานกันได้อีก (ผมว่าเหมาะกับ target คนที่ทำงานแถวๆนี้ หรือจะมาใช้ Work from home จาก zone นี้ก็ดูเหมาะดีนะครับ ส่วนงาน design ก็ยังแอบเอาเงาสะท้อนจากน้ำมาตกแต่งไว้บนฝ้า มีการวางเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบแต่ดูดี ดูแพงผมชอบ style และ taste ของ designer มากๆเลยอ่ะ 

และยังมีห้อง Private dressing room เอาไว้ใช้แต่งตัว แต่งหน้า สามารถเรียกช่างแต่งหน้า แต่งผมมาดูแลเรา ก่อนจะไปออกงานได้อีกครับ ก็เป็นส่วนกลางที่หลากหลาย เตรียมไว้ให้เราได้ใช้ในหลายๆโอกาสครับ

ที่ชั้น 21 ก็จะมีห้องทานข้าว ชื่อ Michelin lounge เป็น long table มีครัวจริงจัง ลูกบ้านสามารถจะจองใช้ ปิดเป็นprivate dining ได้เลย หรือว่าจะเอาไว้มานั่งเล่น นั่งทำงานก็ดีครับ เพราะห้องนี้สวย เพดานสูง กระจกมาเต็ม มองไปเห็นวิวสวน 700 ไร่กระแทกตาสุดๆเลยครับ และออกมาที่นอกระเบียงก็จะเตรียมโซน BBQ Area เอาไว้ให้ลูกค้ามาใช้ party กับเพื่อนๆได้อีกครับ

ด้านบนสุดที่ชั้น 36 ก็จะเป็น สระว่ายน้ำแบบ semi-outdoor มีเพดานด้านบนตกแต่งเป็นดวงดาว สวยงามเลย ยิ่งมาว่ายตอนกลางคืน ก็ยิ่งสวยครับ วิวจากสระว่ายน้ำนี่คือ ดีงามมาก เพราะสระเป็นแบบ infinity edge มองน้ำล้นๆออกไป ไล่ไปต่อกับวิวสวน 700 ไร่ สวยมาก เป็นอีกสระว่ายน้ำที่ติดตรึงตาในใจผมเลยครับ 

นอกจากนี้ที่ชั้นนี้ยังมีFitness ขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยหินอ่อน black forest มีการกระจายเครื่องเล่นไว้ทั่วๆ เล่นแล้วอยู่ไม่ต้องใกล้กันมาก(ผมว่าเป็นการ social distance ที่ดีนะครับ) โดยจำนวนเครื่องเล่น ผมว่าเพียงพอกับ 418 unit แน่นอน

และยังมีห้องYoga มีห้อง Spa room ที่ไว้ให้เราเรียก Therapist มาช่วยนวดให้เราได้อีก โอ้ย ส่วนกลางมันเยอะ สวย ดี น่าอยู่จริงๆครับ

นอกจากนั้นก็ยังมีบริการ Concierge service แบบเดียวกับพวกคอนโดตัว top ของทาง SC เลยนะ และยังมีการวางจุด Pick up point เอาไว้รับของจากพี่ๆ Rider ทำให้ดูเป็นสัดส่วนไม่วุ่นวายครับ ถือเป็น detail การออกแบบที่ผมว่าดีเลยนะ

.

// แบบห้อง \\

การวางผัง floor plan ของที่ The Crest Park Residence เค้ามีการวางตึกเป็น v shape มีช่องแสงเว้าเข้ามาฝั่งนึงทำให้ในโถงทางเดินได้ทั้งแสง และ ลมธรรมชาติครับ และการวางตำแหน่งห้องจะจัดออกมาใน style single corridor คือลูกบ้านเปิดประตูห้องออกมาจะไม่เจอกับห้องฝั่งตรงข้ามเลยครับ ถือเป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน และในแต่ละชั้นยังมี Mailbox เป็นของตัวเอง เพิ่มความสะดวกให้กับลูกบ้านอีกด้วยครับ

ส่วนในเรื่องของ Spec ภายในห้อง ต้องบอกเลยว่าที่ The Crest Park Residence นี่คือให้มาสุดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นพวก Built in ต่างๆเค้าให้มาตั้งแต่ ตู้เก็บของหน้าห้อง ชุดครัวก็ให้ตู้เย็น ไมโครเวฟ แบบ Built in, ในส่วนของห้องนอนก็ให้ตู้เสื้อผ้ามาครบสุด, ภายในห้องน้ำก็ให้ตู้เก็บของเหนืออ่างล้างมือมาให้, เพดานห้องสูง 3 เมตรทำให้ห้องดูโปร่ง, กระจกหน้าต่างก็ให้บานใหญ่ บานเต็ม เอาไว้ดูวิวสวยๆได้เต็มตาเลยครับ เรียกได้ว่า Spec ห้องนั้นไม่แพ้กับคอนโดในทองหล่อ ในหลังสวน ในสาทร เลยนะครับ (คือ ใครซื้ออยู่ที่ The Crest Park Residence เนี่ยถือว่าได้ของดีสุดๆไปเลยนะ ไม่มีคู่แข่งรอบๆเทียบได้เลยอ่ะ)

.

มาไล่ดู ห้องตัวอย่างแต่ละห้องกันบ้างครับ

One bedroom 31 ตร.ม.

อันนี้เป็นห้องขนาดกำลังดีนะครับ layout จะเป็นห้องที่แบ่งส่วนระหว่าง living room กับ bedroom ด้วยบานเลื่อนกั้นโดยใน zone living จะสามารถวาง sofa ยาวๆ จะเป็น L shape ไว้ก็ได้ และในห้องนอนมีชุด built in ตู้เสื้อมาให้อย่างเยอะเลยครับ เก็บของได้จุใจเลย 

ห้องนี้ผมว่าเหมาะกับการอยู่คนเดียวนะครับ คือพื้นที่ห้องแค่ 31 ตร.ม. ก็จริงแต่ว่าได้ function ค่อนข้างครบ เวลาอยู่คนเดียวก็สามารถจะเปิดบานเลื่อนทิ้งไว้ทำให้ ภายในห้องมันดูกว้าง ดูเชื่อมต่อกันเป็นก้อนเดียวครับ ผมว่าจุดเด่นของห้องนี้คือราคาที่จะเป็นตัวเริ่มต้นของโครงการ ราคาไม่สูง ซื้อง่ายเวลาอยู่ ถ้าเราจะทำงาน ก็สามารถออกมานั่งเล่น ใช้งานที่ส่วนกลางแทนได้ครับ หรือ จะเอาห้องนี้มาใช้ปล่อยเช่าผมว่าก็น่าจะหาคนเช่าได้ไม่ยากครับ

ลองดู vdo ที่ผมพาเดินทัวร์ดูห้องนี้เลยครับ

One bedroom 41 ตร.ม.

ห้องนี้เป็นห้องที่ผมชอบมากๆๆเป็นการส่วนตัวนะครับ เพราะผมว่าเป็นห้องที่ balance ระหว่างพื้นที่ เยอะกำลังดี ดูไม่อึดอัด และเรายังได้ห้องหันไปทางวิวสวน 700 ไร่อีก ถือว่าเป็นห้องที่เป็น signature ของตึกนี้เลยนะครับ ตัวห้องเวลาเราเปิดเข้ามาจะเจอครัวตัว L มีขนาดยาวกำลังดี ได้ที่เก็บของเป็นสัดส่วน และสามารถจะเลื่อนบานเลื่อน มาทำเป็นครัวปิดได้ด้วย ใช้ได้จริงจังครับ

ถัดเข้ามาเป็นส่วน living+dining ก็ขนาดกำลังดี ห้องนี้หน้ากว้าง ดังนั้นระยะดู TV คือเพียงพอสุดๆเลย สามารถวางโต๊ะกินข้าวแบบ 2 ที่นั่งได้ + กับ sofa ตัว L สบายๆเลย นั่งไปดูวิวสวนไปด้วย หิหิหิ ชอบ

เดินเข้ามาในห้องนอน ก็จะได้ ห้องนอนที่ใหญ่เลยนะ สามารถจะวางเตียง King size ได้สบายๆ กระจกในห้องนี้ก็บานใหญ่สวยมาก และเป็นกระจกเข้ามุม มองไปเห็นวิวสวนด้วย เยี่ยมเลย (ผมว่าถ้าชั้น 1x กลางๆขึ้นไป วิวก็น่าจะสวยแล้วหล่ะ ยิ่งสูง ก็ยิ่งสวยด้วยนะ)

ส่วนในห้องน้ำก็ขนาดกำลังดีครับ ได้ zone shower ที่กั้นด้วยกระจก มีช่องเก็บพวกสบู่ แชมพูมาให้ด้วยนะ

จัดว่าเป็นห้องที่ layout ดี ได้วิวสวน น่าซื้อมากๆเลยครับ ลองดู vdo ที่ผมพาเดินทัวร์ดูห้องนี้ได้เลยครับ

.

One bedroom 50 ตร.ม.

ห้องนี้ถือว่าเป็นห้องที่พิเศษมากๆเลยนะครับ เหมาะสำหรับคนที่หาห้องหนึ่งนอน แบบใหญ่มากๆ (เดี๋ยวนี้โครงการอื่นๆเค้าไม่ค่อยจะทำกันแล้วนะ เพราะพื้นที่ 50 ตร.ม. บางที่ก็จัดเป็นสองห้องนอนแล้ว) คือผมว่าความหรูหรา มันมาจากการได้อยู่พื้นที่ที่ดูกว้าง ดูสบายตาครับ 

ห้องนี้ตอบโจทย์สุดๆเลย คือ เปิดประตูเข้ามา เราจะเจอกับ พื้นที่living + dining ขนาดใหญ่มาก ดูโล่ง และ เรายังได้ระเบียง + ช่องแสงขนาดใหญ่ให้ด้วย ทำให้ห้องดูสวย ข้างๆทางเข้าห้อง จะมีครัวแบบปิด เป็นครัวตัว L ขนาดยาว ทำอาหารได้จริงจัง กลิ่นไม่ออกมารบกวน ส่วนในห้องนอนก็ขนาดใหญ่และโล่งมากๆ พื้นที่ปลายเตียงเหลือเฟือ พื้นที่ข้างเตียงเหลือเฟือ สามารถวางโต๊ะแต่งหน้า/ทำงานได้เลยและลึกเข้าไปในห้องยังได้ zone walk in closet อีก เป็นสัดส่วนมากๆ ในห้องน้ำ ก็ขนาดพอดีได้ช่องแสงธรรมชาติช่วยเพิ่มสุขลักษณะที่ดีในห้องน้ำด้วยครับ

ลองดู vdo ที่ผมพาเดินทัวร์ดูห้องนี้ได้เลยครับ

.

Two bedroom 72 ตร.ม.

ห้อง type นี้ถือว่าเป็นห้อง rare item ของโครงการเลย เพราะห้องเป็นสองห้องนอน ห้องหัวมุม หันไปทางสวนสีเขียวมีชั้นละแค่ 1 ห้องเอง

 เข้ามาในห้องจะเจอกับ ครัวขนาดใหญ่ สามารถกั้นบานเลื่อนมาปิดได้เวลาทำกับข้าว พื้นที่living กับ dining ก็สามารถจะวางโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ได้ด้วยครับ กระจกกั้นระเบียงก็เป็นช่องแสงขนาดใหญ่และ highlight จริงๆของห้องนี้ผมว่าคือ ห้องนอนใหญ่ครับ เป็นห้องนอนที่มีกระจกหน้าต่างเต็มๆถึง 2 ด้าน ที่ปลายเตียง มองไปจะเห็นสวน 700 ไร่ ได้แบบเต็มตาสุดๆเลย ส่วนห้องน้ำก็มีขนาดใหญ่ ได้อ่างล้างมือแบบ his and her ได้อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วย และเป็นห้องอาบน้ำแบบ sexy bath คือใช้กระจกบานเต็มกั้นห้องน้ำ กับห้องนอนทำให้เวลาอยู่ในห้องน้ำก็สามารถจะ take วิวสวนด้านนอกได้ด้วย และช่วยให้เวลาอยู่ในห้องนอนแล้วรู้สึกกว้างด้วยครับ ส่วนพื้นที่ห้องนอนเล็ก ก็ถือว่าไม่เล็กนะ วางเตียง Queen size ได้สบายๆ มีตู้เสื้อผ้ายาว เก็บของได้เลยครับ

ลองดู vdo ที่ผมพาเดินทัวร์ดูห้องนี้ได้เลยครับ (ผมว่าห้องนี้ต้องลองมาดูด้วยตาตัวเองด้วยนะครับ หิหิหิ ถึงจะรู้ว่ามันเจ๋งแค่ไหน)

.

นอกจากนี้ที่ The Crest Park Residence ยังมี ห้องอีกหลายแบบนะครับทั้ง one bedroom plus, two bedroom อีกแบบหรือห้อง one bedroom 34 ตร.ม. (ทีเคยเป็นห้องตัวอย่างตอนที่เป็น sale office) ยังไงลองเข้ามาขอดูกับทางเซลล์ได้เลยครับ

// สรุป \\

ผมว่าด้วยศักยภาพในการเติบโตของทำเลห้าแยกลาดพร้าว ถ้าเราจะเลือกซื้อคอนโดสักหนึ่งที่เพื่ออยู่อาศัยเองนอกจากเราจะเลือกทำเลที่ดีแล้ว เราก็ควรจะเลือกคอนโดที่ดีที่สุดในย่านไปเลย product แบบของ The Crest Park Residence ไม่ได้ทำกันง่ายๆนะครับ มันมีรายละเอียดมากมายตั้งแต่ spec ห้อง การออกแบบส่วนกลาง ซึ่งผมว่าทางSC Asset เค้าเชี่ยวชาญในการทำคอนโดใน segment luxury อยู่แล้วครับ ดังนั้นผลงานที่ออกมา ก็คือ ลูกค้าที่ซื้อตึกนี้สบายใจได้เลยว่าได้ทั้งของที่ดี และ บริการที่ดีมากๆ (ผมเองก็เป็นลูกค้า SC อยู่ รู้เลยกว่า SC เค้าใส่ในดูแลลูกบ้านดีมากๆเลยนะครับ) ดังนั้นผมเชียร์เพื่อนๆที่ หาคอนโดในย่านห้าแยกลาดพร้าว ให้มาลองดูที่ The Crest Park Residence กันนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวัง (และตึกนี้ ราคาระหว่างวิวธรรมดา กับ วิวสวน ต่างกันอยู่นะครับ ก็ลองเช็คกันดีๆแล้วกันนะครับ) 

จากประสบการณ์ของตัวผมเอง และจากที่ได้พูดคุยกับหลายๆคนที่ซื้อคอนโดนี้ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดูคอนโดย่านนี้มาทุกที่แล้ว พอมาเจอที่ The Crest Park Residence ก็รู้สึกได้เลยว่ามันดีกว่า มันน่าอยู่กว่าทุกๆที่ ก็เลยซื้อที่นี่ครับ … ฟังดูเรียบง่ายแต่ว่ามันแฝงนัยยะหลายอย่างนะครับ

 … แล้วถ้าถามผมว่า คุณวินชมอย่างเดียว มีอะไรที่ติดใจกับที่นี่บ้างไหม ผมบอกเลยว่า มีนิดหน่อยครับ อย่างเรื่องของ ที่จอดรถแบบAutomatic อันนี้ผมก็ยังไม่ค่อยชินนะ และเชื่อว่าหลายๆคนก็อาจจะไม่ชอบลิฟต์รถก็มี แต่อันนี้แก้อะไรยากครับ คอนโดใหม่ๆเดี๋ยวนี้ เค้าทำเป็นลิฟต์รถมากันหมดแล้วอ่ะ แต่จากที่ถามคนที่ใช้ลิฟต์รถเป็นประจำ บางคนก็ชอบนะ บอกว่ามันสะดวกดี ไม่ต้องไปวนจอด ซึ่งผมคิดว่า ของพวกนี้ถ้าเราใช้ไปบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็ชินเองครับ (แถมตอนนี้โครงการเค้ามี ทีมvalet คอยบริการลูกบ้านในช่วงปีแรกด้วยนะครับ) ส่วนอีกเรื่องก็น่าจะเป็นราคา ผมไม่ถือว่าเป็นข้อติ แต่เป็นเรื่องที่ให้แต่ละคนลองชั่งน้ำหนักกัน ผมว่าราคา มันเหมือนกับเราเวลาซื้อของbrandname เรายินดีจ่ายเพื่อให้ได้ คุณภาพที่ดี ภาพลักษณ์ที่ดี value ของแบรนด์ เมื่อมาเทียบกับการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของเราที่เราจะต้องอยู่กันไปยาวๆ ซื้อให้ลูก หลานอยู่  นั่นก็คือ การให้ value ของ spec ห้อง ของแบรนด์ ของส่วนกลางด้วยนะครับ ทั้งหมดคือการได้คุณภาพชีวติที่ดี ถ้าคิดว่าจะซื้อที่ The Crest Park Residence แล้วอยู่เองไปสัก 5 ปี ผมว่า ณ ตอนนั้น ยังไงราคาที่เราซื้อวันนี้ มันคุ้มค่าจากการที่จะอยู่ในคอนโดดีๆแบบนี้ด้วย กำไร คุณภาพชีวิตแล้วครับ

แล้วในมุมมองการซื้อเพื่อลงทุนหล่ะ … อย่างการปล่อยเช่า ถ้าจะซื้อที่ The Crest Park Residence ก็อยากให้เลือกต้นทุนห้องให้ดี ลองหาจังหวะว่าเค้ามีห้อง promotion หรือ ห้องที่ราคาเริ่มต้น ผมว่าพวกนี้ซื้อได้นะ เอามาปล่อยเช่าได้ demand การเช่าอย่างที่ผมเห็นๆในย่านนี้ one bedroom มีตั้งแต่ หมื่นปลายๆ จนถึง สองหมื่นปลายๆก็มีคนเช่าได้นะครับ ซึ่งในมุมคนเช่า เค้าก็ต้อง survey หลายๆตึกในย่านนี้ ถ้ามาเจองาน design พื้นที่ส่วนกลาง การออกแบบภายในห้อง ยังไงคนเช่าเค้าเลือกที่ The Crest Park Residence ก่อนตึกอื่นแน่นอนครับ (ถ้างบเค้าได้นะครับ) หรือในอีกมุมคนที่อยากจะซื้อทรัพย์สินที่มันดีๆ ไม่มีตำหนิ เก็บเอาไว้ระยะยาว ผมว่าลองเลือกห้องพวกวิวสวนเต็มๆตา มันก็มี value อยู่นะครับ จะมีคอนโดไหนที่ได้วิวสวน 700 ไร่ + อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสองสายแบบนี้ หายากอยู่นะครับ

โดยรวมๆก็ประมาณนี้นะครับ สำหรับ The Crest Park Residence เป็นคอนโดที่ผมเชียร์จริงๆนะ ถ้าใครจะซื้ออยู่เองแล้วชอบทำเล ผมว่าที่นี่ คุ้มที่สุดแล้ว  หากใครสนใจวันที่ 11-12 ก.พ. 2023 นี้ ทางโครงการมีจัดงาน OPEN HOUSE เปิดให้ชมตึกจริง วิวจริง ให้ชมกันอย่างเป็นทางการ พร้อมโปรพิเศษ อยู่ฟรี 1 ปี* พร้อมค่าส่วนกลางสูงสุด 4 ปี* ในราคาเริ่มต้น 6.29 ล้านบาท*

ลองเข้าไปดูตึกจริง ห้องจริงกันได้เลยครับ ติดต่อ ลงทะเบียนกันได้ที่นี่ https://bit.ly/3ulVOiN

Comments

comments