Mulberry Grove Sukhumvit คอนโดที่ส่งมอบเป็นทรัพย์สินให้คนรุ่นถัดไปได้อย่างแท้จริง

ผมได้มีโอกาสเข้าไปดูรายละเอียดของคอนโดนี้ผม ผมว่ามีหลายอย่างที่น่าสนใจมากนะครับ ไม่ว่าจะเป็น location ที่ถือว่าโดดเด่นอยู่ติดถนนสุขุมวิท main road เลย ห่างจาก BTS เอกมัย 250 เมตร เป็นคอนโดที่มีการออกแบบมาดีมาก ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนในทุกๆ generation เลย เรียกได้ว่าอยู่ได้ตั้งแต่วัยเด็ก-วัยรุ่น-วัยทำงาน-วัยเกษียณ เลย ที่นี่เค้าเน้นคุณภาพงานก่อสร้างด้วยการรับประกันถึง 30 ปี* และ MQDC เค้าคิดรายละเอียดทั้งในส่วนกลาง และในห้องมาอย่างดีมากๆ อยู่แล้วมีความสุข สุขภาพแข็งแรงแน่นอน มาว่ากันในรายละเอียดแล้วกัน

// Location \\

ตัวคอนโด Mulberry Grove Sukhumvit ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท main road ติดถนนใหญ่เลย อยู่ช่วงขาออก เลย BTS เอกมัยมาประมาณ 250 เมตร ถ้าเพื่อนๆลองมองหาคอนโดที่จัด segment มาดีๆ อยู่ติดถนนสุขุมวิท จริงๆแล้วตัวเลือกไม่ได้เยอะนะครับ ในมุมมองผมช่วยถนนสุขุมวิทตั้งแต่ อโศก ไล่ไปจนถึง เอกมัย จัดว่าเป็นย่าน CBD อย่างแท้จริงนะครับ คอนโดระดับนี้ผมเชื่อว่าคนซื้อ ใช้รถแน่นอนครับ และตำแหน่งของโครงการ ก็ขับรถไปไหนมาไหน ได้สะดวกสุดๆครับ จะวิ่งเข้าไปอโศก พร้อมพงษ์ ก็ไปกลับรถได้ใกล้ๆ หรือจะวิ่งไปทางด่วน ก็สามารถทะลุไปทางถนนพระราม 4 ได้ไม่ยากเลยครับ

ส่วนใน zone mid sukhumvit นั้น ที่กิน ที่เที่ยว โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ โรงแรม โรงพยาบาล โซนออฟฟิตที่ทำงาน มีพร้อมอยู่ในระยะ 1-2 กม. ไปได้หมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Gateway Ekkamai, Major Ekkamai, Sukhumvit Hospital, EM District, St. Andrews International School, Bangkok PREP

ถ้าจะไปขึ้นรถไฟฟ้าก็เดินเพียงแค่ประมาณ 3 นาทีเอง ถือว่าสบายๆครับ ทั้งคนไทย ทั้งต่างชาติ อยู่คอนโดนี้ได้สบายๆครับ

จากในมุมการถือทรัพย์สินในระยะยาวนะ จากที่ผมเคยสัมผัสมาถ้าคอนโดอยู่ติดถนนใหญ่ จะปล่อยเช่าง่ายมากๆ และ Exposure ของตึกก็ดีมากครับ ใครผ่านไปผ่านมาก็ยังจำตึกนี้ได้ ไม่มีลืมครับ เรียกได้ว่าทำเลเรา classic ตึกเรา classic ไปด้วยครับ

// การออกแบบ \\

คอนโดนี้สร้างอยู่บนที่ดินขนาด 2.5 ไร่ แต่มีเพียงแค่ 287 units ถือว่าเป็น ultra low density อยู่กันแบบหลวมๆ จำนวน unit ต่อชั้นมีแค่ 12 units เท่านั้นเอง ที่จอดรถก็จัดมาให้ 100% แบบ Auto parking สามารถจะจอด super car ได้, รถ Alphard ก็จอดได้ (และยังเป็นแบบจอดด้านนอกแล้วมีตัวตักรถเราเข้าไปนะครับ ไม่ต้องไปจอดในลิฟต์แบบที่อื่นๆ) ตัวตึกวางแบบในทิศเหนือ-ใต้ แทบจะไม่มีวิวบัง block กับตึกอื่นๆเลยครับ (ทางทิศใต้จะมองไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นถึงบางกระเจ้าเลยนะครับ)

.

ในการออกแบบส่วนกลาง ที่นี่เค้าจัดมาให้เยอะมากๆ โดยเยอะอย่างมีจุดประสงค์นะครับ เค้ามองว่าอยากให้ที่คอนโดนี้ อยู่ได้ในทุกๆ Generation ดังนั้นจะมีการออกแบบที่มารองรับตั้งแต่เด็กๆที่มาอยู่ในตึกนี้ มาเรียนหนังสือที่โรงเรียนนานาชาติแถวนี้ , คนวัยทำงานระดับผู้บริหารที่อาจจะเป็นคนซื้ออยู่เอง หรือ เป็น Expat มาเช่าอยู่, หรือจะเป็นผู้สูงอายุ วัยเกษียณ (คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย) มาอยู่กับหลาน หรือ เอาไว้เป็นบ้านหลังที่สอง คือที่ Mulberry Grove Sukhumvit ตอบโจทย์ทั้งหมดเลยครับ มาลองดูแต่ละส่วนกันเลย

ชั้น1 : จะมีจุดdrop off เข้ามาที่ Lobby เพดานสูง 7 เมตร (สวยมาก มาดูก็จะคล้ายกับที่ Sales Office นี่หล่ะ) และยังมีสวนสีเขียวย่อยๆอีก 3 สวน (English Courtyard, Intergeneration Courtyard, Gourmet Courtyard) เอาไว้นั่งเล่น วิ่งเล่น เหมือนเป็นสวนในบ้านเราเลย

ชั้น 2 : มี The Learning Lounge ที่เป็นห้อง private study studio ให้เด็กๆมานั่งอ่านหนังสือ หรือจะเดินมานั่งทำงานกันตรงนี้ก็ได้ครับ และยังมี Children’s room ห้องเด็กเล่นอีก เห็นเค้าบอกว่าเหมาะกับให้เด็กๆมาใช้ zone ตรงนี้ อาจจะมานั่งกับคุณครูพิเศษ หรือ มาเล่นกับพี่เลี้ยง ระหว่างที่รอคุณพ่อคุณแม่กลับบ้านมา แล้วค่อยขึ้นไปอยู่ที่ห้อง (จะได้ไม่ต้องอยู่แต่ในห้อง unit เราอย่างเดียว)

ชั้น 32 : ทั้งชั้นนี้จะเน้นไปที่ Wellness คือการสร้างสุขภาพที่ดีครับ โดยจะมีสระน้ำถึง 4 สระ ได้แก่ Infinity Sky Pool (สระว่ายน้ำจริงจัง วิวสวย เห็นแม่น้ำด้วยนะ), Thermal Pool (เป็นสระน้ำอุ่นเอาไว้แช่ตัว ให้ผ่อนคลาย) , Hydrotherapy Pool (เป็นสระเอาไว้นวดตัวด้วยระบบน้ำ), Children’s Pool (สระเด็กเค้าแยกออกมาจากสระอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ตรงนี้ผมชอบนะ ถือว่าใส่ใจเด็กๆดีครับ) และยังมี Private Sky-High Onsen (เป็นห้องอาบน้ำร้อนแบบส่วนตัว ที่จะต้องจอง จะมาใช้พร้อมๆกันหลายๆคนก็ได้นะ และน่าจะเหมาะกับคนเช่าญี่ปุ่นด้วยครับ)

Sky-High Gym Studio ที่เป็น fitness ขนาดใหญ่ ออกกำลังกายไป มองวิวสวยๆไป และยังมีห้อง Golf simulator ให้มาออกรอบกันได้อีก นอกจากนี้ยังมี Private Spa, Private Style Atelier ที่เป็นห้องใช้แต่งตัว เรียกคนมาทำผม ทำเล็บ ก่อนออกไปงาน หรือ จะเรียกคนมานวด ก็ทำได้ ไม่ต้องออกไปข้างนอกคอนโดเลยครับ (รวมๆคือชั้นนี้จัดเต็มสุดๆไปเลยครับ)

ชั้น 33 : จะเป็นชั้นต่อเนื่องขึ้นมาจากชั้น 32 โดยจะมีห้อง Yoga และห้อง Ballet suite (ให้เด็กๆมาเรียน มาซ้อม Ballet กันได้ครับ ) และยังมีสวนสีเขียวเอาไว้นั่งเล่น หรือจะออกกำลังกายอะไรที่เป็น outdoor ได้อีกครับ

ชั้น 34 : อันนี้ก็จะเป็นส่วนกลางทั้งชั้นอีก โดยเน้นไปที่การอยู่รวมกัน “connects every family together” โดยจะมี Grand Private Dining Room เป็นห้องนั่งทางอาหาร พร้อมห้องครัว ที่เราสามารถจองใช้ เป็นแบบส่วนตัวได้ จะขึ้นมาจัด party กันเอง หรือจะจัดงานรวมญาติกันตรงนี้ก็ทำได้ครับ และยังมี Grand Private Living room ที่เชื่อมต่อกันอีก ทำให้เวลาสังสรรค์มานั่งรวมกันตรงนี้ได้ด้วย

Residential Lounge อันนี้จะเป็นห้องนั่งเล่นรวม ที่ลูกบ้านทุกคนสามารถขึ้นมาใช้ได้ ตกแต่งอย่างหรู เพดานสูง แถมยังมี Grand piano ตัวใหญ่วางไว้สร้างบรรยากาศอีก ห้องนี้ดีอ่ะ วิวก็สวย บรรยากาศก็ดี และยังมีห้อง Game room, Children’s play room ให้เอาเด็กๆมาใช้งานได้ีอกครับ

ยังไม่หมดที่ชั้นนี้ยังมี Family Living room ที่จะเป็นห้องนั่งเล่น style เหมือนอยู่บ้าน และเชื่อมต่อไปกับลาน BBQ Garden ให้เรามานั่ง chill หรือจะมาจัดงาน party แบบ outdoor กันได้อีก

ต้องขอบอกว่าจากที่เห็นส่วนกลางต่างๆ ผมว่าทาง MQDC เค้าจัดเต็มมากๆเลยนะครับ คือทั้งการวาง concept การใช้งาน, การออกแบบตกแต่ง, ปริมาณพื้นที่ที่ให้ มันคือเยอะแบบสุดๆเลย ใช้กันได้แบบเหลือๆจริงๆครับ ยิ่งมาเทียบกับจำนวนห้องมีแค่ 287 units ผมว่าส่วนกลางที่นี่เยอะระดับ top ของคอนโดในประเทศไทยเลยนะครับ แต่ ๆ ๆ ๆ ยังไม่พอ จะแค่จัดส่วนกลางอย่างเดียวไม่ได้ เดี๋ยวนี้มันต้องมาพร้อมกับ Service ด้วยครับ อย่างที่ Mulberry Grove Sukhumvit เค้าก็มี service ที่จะมาตอบโจทย์ความเป็น multi-generation ให้อีกไม่ว่าจะเป้น

Caregiver service แบบ 24hr. >> อันนี้คือเป็นคนดูแล เผื่อเวลามีอุบัติเหตุ หรือ มีปัญหาอะไรเรียกความช่วยเหลือได้ครับ

Wellness manager >> จะเป็นคนดูแลพวก safety ของ fitness, สระว่ายน้ำ และสามารถให้ความช่วยเหลือเรื่องการใช้อุปกรณ์ต่างๆภายใน gym ได้ครับ (แต่เค้าไม่ใช้ trainer นะครับ)

Concierge service 24 hr. >> เรียกว่าเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของลูกบ้าน ที่จะช่วยเรื่อง booking ส่วนกลางต่างๆ หรือจะหา คนซ่อมห้อง แม่บ้าน จองรถ จองบริการต่างๆ เค้าก็จะจัดการให้ครับ 

เอาจริงๆเลยคืออยู่ที่นี่ เราได้อยู่ในสถานที่ที่ดี ได้รับการบริการอย่างดี เทียบชั้นอยู่โรงแรม 5 ดาวเลยครับ และในเรื่อง style การออกแบบผมว่าเค้าทำออกมาได้ดีนะ เป็นแนว classic หรูหรา แต่ไม่ได้ตะโกน คือ แต่งสวย ดูแพง ใช้วัสดุดี taste ดีว่างั้นครับ พวก style แบบนี้ผมว่าในระยะยาวอ่ะดีนะ คือ คอนโดเราดูไม่มีวันเก่าครับ อยู่ได้นาน ทำให้ value ของคอนโดเราจะรักษาไว้ได้ดี ยาวนาน

// แบบห้อง \\

จะว่า detail ส่วนกลางเยอะแล้ว จริงๆ detail ของภายในห้องก็เยอะมากเช่นกันครับ ก็บอกแล้วว่าที่ตึกนี้ คนออกแบบเค้าลงรายละเอียดแบบสุดๆไปเลยครับ มาเริ่มพูดในภาพรวมก่อนแล้วกันนะ  เนื่องจากใน หนึ่งชั้นมีแค่ 12 units ถือว่าน้อยนะครับ เค้ายังออกแบบให้โถงทางเดินมีความกว้างถึง 180 cm ดูโปร่งมากๆ และยังออกแบบประตูห้องแต่ละห้องให้เหลื่อมกัน และถัดเข้าไปลึก ทำให้รู้สึกถึงว่าเป็นส่วนตัวเวลาเราเข้าไปที่ห้อง 

ส่วนด้านหน้าห้องทุกห้องเค้าจัดตู้จดหมาย และตู้เก็บของเอาไว้ที่ด้านหน้าเลย เพิ่มความสะดวกเวลามีจดหมาย หรือพัสดุชิ้นเล็กๆ นิติเค้าก็จะเอาขึ้นมาส่งวางไว้ในตู้หน้าห้องเราเลย และเรายังสามารถจะเก็บร่ม เก็บรองเท้า หรือสิ่งของที่อาจจะเลอะเทอะ ไม่อยากเอาเข้าห้อง เราก็เก็บไว้ในตู้นี้ได้ครับ

ภายในห้องที่ Mulberry Grove Sukhumvit เค้าวาง standard spec มาดีมากนะครับ เพดานสูง 3 เมตร, กระจกบานใหญ่มากๆ, ทุกห้องมีอ่างอาบน้ำ (คนญี่ปุ่นชอบเลย), ทุกห้องได้ครัวปิดทำครัวได้จริงจังและมี build in ในครัวมาให้อย่างครบเลย ตู้เย็นก็เป็นแบบฝังในตู้ อ่างล้างจานก็ขนาดใหญ่เป็นพิเศษ หรือ พวกบานเลื่อนก็เป็นแบบ soft ดีเลย, ส่วน scale ของห้องเค้าก็วางให้ห้องหน้ากว้าง มีขนาดใหญ่เริ่มต้นที่ 47 ตร.ม. เค้าเคลมว่าทุกห้องสามารถจะใช้ wheel chair เข็นเข้าไปได้ หรืออย่างบานประตูก็จะกว้าง 90 cm รองรับรถเข็นได้

ในห้องแต่งตัว เค้าก็จะมี built in มาให้เป็น walk in closet ให้, หรือ  ในห้องก็จะมีระบบ ERV ที่จะดึงอากาศดีจากข้างนอก ผ่านระบบกรองเข้ามาในห้องช่วยเพิ่มการระบายอากาศให้, ระเบียงห้องเค้าจะทำเป็น nook area แทน คือใช้เป็น indoor ได้ แต่ถ้าจะตากผ้า ก็แค่กั้นบานเลื่อนเท่านั้น และเค้ายังเอา compressor แอร์ไปวางตรงพื้นที่ส่วนกลางด้วย ทำให้เราใช้พื้นที่ภายในห้องเราได้เต็มๆ

มาลองดูห้องแบบOne bedroom 56 ตร.ม. ที่เป็นห้องตัวอย่างกัน

ห้องนี้ผมถือว่าเป็นขนาดที่ perfect มากๆสำหรับ one bedroom นะครับ คือพื้นที่ 56 ตร.ม. มันจะให้ความกว้างกำลังดีสำหรับทุกๆ function ในห้อง เลย ไล่มาตั้งแต่ครัวปิดด้านหน้าห้อง

พื้นที่กินข้าว วางได้แบบ 4 ที่นั่งเลย ส่วน sofa ก็วางได้ขนาดกว้าง แถมยังเพิ่ม armchair ได้อีกตัวนึง ส่วนพื้นที่ nook ก็จัดเอามาเป็นโต๊ะทำงานริมหน้าต่างได้อีก ถือว่า perfect เลยครับ ยิ่งเราได้เพดานห้องสูง 3 เมตร ทำให้ทุกอย่างดูโปร่งมากครับ (พื้นห้องในส่วน living room ก็จะให้เป็นพื้นกระเบื้องมา ทำความสะอาดง่าย แข็งแรงทนทาน)

ถัดเข้ามาในห้องนอน ก็ได้ประตูกว้าง 90  cm ถือว่าใหญ่ ภายในวางเตียง King size ได้แล้วมีพื้นที่เหลือให้เดินได้รอบแบบหลวมๆเลย กระจกหน้าต่างก็บานใหญ่ เปิดรับวิวได้เต็มที่ พื้นเป็นไม้ Engineering wood สีไม้สักดูสวยดี

ส่วนถัดมา walk in closet ก็มีที่เก็บของเยอะ ทางโครงการได้จัดพวกที่แขวน ลิ้นชัก ชั้นวาง เอาไว้เก็บต้องได้ครบถ้วนเลย (พอเป็นแบบ walk in closet ได้เราจะแต่งตัว เราจะเก็บของได้อิสระเลย เพราะเป็นห้องปิด ไม่ดูรก ทำให้ห้องนอนดูสวยครับ)

และภายในห้องน้ำ ก็มีขนาดที่กว้างขวางมาก ได้สุขภัณฑ์อย่างดีจาก Toto ได้อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าเป็น one bedroom ที่ perfect สุดๆไปเลยครับ

ลองดู VDO ที่ผมพาเดินดูห้องนี้ได้ครับ

.

ถัดมามาดูห้องแบบ Two bedrooms 114 sq.m. ที่เป็นห้องตัวอย่างอีกห้องนึง

ห้องนี้ก็ดีมากๆเลยครับ ด้วยพื้นที่แบบ 114 ตร.ม. เราได้สองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้อง powder room เป็นการจัดสรรพื้นที่แบบใจกว้างสุดๆครับ (ที่อื่นนี่ขนาด 50 ตร.ม. เค้าเป็นสองห้องนอนแล้วนะ555)

ดังนั้น เวลาที่เราเดินเข้ามาในห้องนี้ เราจะรับรู้ได้ถึง scale ความกว้าง ที่มันเหมือน “บ้าน” มากกว่าคอนโดทั่วไปครับ อย่าง zone ห้องครัว ก็ได้ครัวปิด ขนาดครัวคือ ทำอาหารได้จริงจังมาก เค้าใช้กระจกกั้นครัวทำให้มองจากภายนอกแล้วห้องยังดูโปร่ง ดูกว้าง

ส่วนห้อง living room ก็หน้ากว้างแบบสุดๆครับ วางโต๊ะกินข้าวแบบ 6 ที่นั่งได้สบายๆ ชุด sofa ก็ใหญ่ได้มากๆเลย และจุดเด่นห้องนี้คือ nook area ที่เค้ากั้นเป็นบานกระจกเข้ามุมเอาไว้ เราสามารถปรับพื้นที่ตรงนี้เป็นห้องทำงาน หรือ ห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้เลยครับ ส่วนหน้าต่างก็ กรี๊ดสุดๆครับ กระจกบานใหญ่สูงแบบ floor to ceiling และกว้างเต็มตลอดแนว มันยิ่งทำให้ห้องดูสวยขึ้นมากๆ (ถ้าเราเลือกชั้นสูงๆหน่อยนะ OMG! สวยสลบเลย)

ส่วนในห้องนอน ที่นี่ต้องบอกว่าเค้าเป็น double master bedroom ครับ เพราะทั้งสองห้องนอน ได้ขนาดใหญ่พอๆกันเลย ห้องนอน master ก็จะสามารถวางเตียงแบบ king size ได้สบายๆ โดยมีพื้นที่รอบเตียงเหลือแบบสุดๆ เข็นรถเข็นรอบเตียงได้เลย (รองรับผู้สูงอายุมาอยู่)

และก็จะแยก zone walk in closet ขนาดใหญ่เอาไว้ให้สามารถเก็บเสื้อผ้าได้เยอะ (ที่นี่เค้า built in ให้ครบเลยนะครับ)

ส่วนห้องน้ำในห้อง master ก็ได้อ่างล้างหน้าแบบ his and her, อ่างอาบน้ำอยู่ติดหน้าต่าง, ห้องอาบน้ำใหญ่ มีที่นั่งไว้ให้ ทุกอย่างกั้นเป็นสัดส่วนด้วยกระจก แยกกันใช้งานได้ดีเลยครับ

ส่วนห้องนอน 2 จริงๆก็แทบจะเหมือนกับห้อง master เลย จะต่างตรงที่ห้องน้ำจะเล็กลงมาหน่อย แต่ก็ยังได้อ่างอาบน้ำในห้องด้วย

คือต้องบอกว่าเป็นห้องตัวอย่างที่เดินเข้าไปแล้วประทับใจมากๆครับ จะหา product ดีๆ แบบนี้บนเส้นสุขุมวิท ผมว่าหาแทบจะไม่ได้แล้วนะสำหรับคอนโดใหม่ๆ ยิ่งทำจะยิ่งได้แต่ห้องเล็กๆ

ยังไงลองดู VDO ที่ผมพาเดินดูห้องนี้ได้ครับ

และจากที่ผมไล่ดูผัง floorplan ของโครงการนี้มานะ ผมว่ายังมีอีก 2 type ที่น่าสนใจครับ คือ

ห้องแบบ one bedroom ขนาดเริ่มต้น 47.5 ตร.ม. ห้องนี้เรียกว่าเป็นห้องเล็กสุดของโครงการ แต่ๆๆๆ เค้าก็ยังจัด function ออกมาได้เต็มนะ คือได้ครับปิด, ได้ walk in closet, มีอ่างอาบน้ำ ห้องสามารถวางเตียง King size ได้, ส่วน living room ก็วาง sofa ขนาดใหญ่ วางโต๊ะกินข้าว 4 ที่นั่งได้อีก คือจะบอกว่าห้องนี้คุ้มค่ามากๆ ถ้าซื้อเอาไว้ปล่อยเช่านะ ด้วย pack ราคา และ pack ค่าเช่าผมว่าหาคนเช่าได้สบายๆครับ ที่สำคัญ เราได้แบ่งใช้ facility อันแสนอลังการของที่นี่ ยังไงก็ดีครับ แล้วจริงๆห้อง 47.5 ตร.ม. มันก็ถือว่าเป็น one bedroom ที่ขนาดใหญ่แล้วนะ อยู่สบายๆแล้วครับ พวกคอนโด segment นี้ห้องต้องใหญ่หน่อย คนเช่าชอบครับ

ห้องแบบ two bedrooms (04-B05) ขนาด 112.5 ตร.ม. ผมว่าห้องนี้เป็นห้องที่ได้ความคุ้มค่ามากๆเลยนะครับ ถ้าด้วย function แล้วห้องนี้จะคล้ายๆกับห้องตัวอย่างแบบ two bedroom เลยแต่ส่วนที่แตกต่างหลักๆคือ เค้าได้ เพิ่มห้องอเนกประสงค์มาเพิ่ม 1 ห้องเป็นห้องที่กั้นผนังจริงจัง ที่เราสามารถนำมาปรับเป็นห้องนอน3 เป็นห้องทำห้อง เป็นห้องนอน maid ก็ได้ครับ และอีกจุดต่างคือ ห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก จะเป็นห้องน้ำที่มี zone shower ไม่ได้เป็นแค่ powder room อย่างเดียว ดังนัันจะสามารถใช้เป็นห้องน้ำที่ 3 ได้จริงจังเลย ส่วนพวกห้อง living ขนาดอาจจะแคบลงมาหน่อย (ถ้าเทียบกับห้องตัวอย่าง) แต่ผมว่ามันจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ไม่ยากครับ ในห้อง master bedroom และห้องนอน 2 ก็ถือว่าใหญ่ ได้ walk in closet ทั้งสองห้อง และได้อ่างอาบน้ำในทั้งสองห้องด้วย ถือว่าถ้าเราคิดเป็น Three bedroom ผมว่าห้อง (04-B05) คือบ้านดีๆหลังนึงเลยนะ อยู่ได้เป็นครอบครัวแบบจริงจังเลยครับ

.

// สรุป \\

โดยสรุปนะผมว่า Mulberry Grove Sukhumvit เป็นอีก project ที่เค้าคิดมาได้ดี รอบด้านมากๆนะครับ ถ้าคิดว่าจะซื้อคอนโดทั้งที เอาที่มันดีเยี่ยมไปเลย ที่นี่ตอบโจทย์แบบสุดๆครับ ตั้งแต่ location ที่ติดถนนสุขุมวิท ใกล้ BTS เอกมัย ส่วนกลางทำมาให้เยอะแบบสุดๆ ภายในห้องก็มี detail ที่ทำการอยู่อาศัยที่นี่มันได้คุณภาพชีวิตที่ดี และที่สำคัญผมมองว่าคอนโดระดับนี้ ทำยากนะ แนวโน้มของ project ที่จะทำคอนโดแบบ unit น้อยๆ ส่วนกลางเยอะๆ ทำเลแบบนี้มันไม่ได้มีขึ้นได้บ่อยๆครับ และเอาตรงๆคอนโด segment เนี่ย จากประสบการณ์ของผมนะ ตอนที่สร้างเสร็จ พอคนเข้าดูส่วนกลางได้อ่ะ จะกลายเป็นคอนโดที่ขายได้ด้วยตัวของมันเอง ขายได้เรื่อยๆ เพราะคนที่เข้ามาเค้าเห็นได้ถึงความดีงาม ความหรูหรา แต่ทาง developer เค้าก็จะปรับราคาเพิ่มไปเรื่อยๆแล้วหล่ะ ดังนั้น ระหว่างที่คอนโดยังสร้างไม่เสร็จ จึงเป็นจังหวะที่ดี ที่เราจะเข้ามาจับจอง ตอนที่ยังเหลือห้องดีๆ ตอนที่ราคายังปรับไปเพิ่มไม่เยอะนะครับ (กำหนดเสร็จของที่นี่คือปี2024)

ในมุมมองการซื้อไว้อยู่เอง ผมว่าที่นี่เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดบนถนนสุขุมวิทเลยนะครับ อยู่เองยังไงก็คุ้มครับ ทั้งส่วนกลางที่เค้า provide มาให้ ยิ่งเราเป็นแนว ครอบครัว มีลูกเรียนอยู่แถวๆนี้ มาอยู่ที่ตึกนี้ มาใช้ส่วนกลางตึกนี้ ยังไงก็คุ้มครับ คุณภาพชีวิตที่เราได้ service ต่างๆที่ทาง MQDC เค้าจัดมาให้ผมว่า ดีกว่าตึกอื่นๆมากมายเลยครับ และซื้อแล้วผมว่าสบายใจดีนะ เค้ามีรับประกันกันแบบยาวๆกับ 4 เรื่องหลักๆ คือ โครงสร้าง, การรั่วซึมของหลังคา, การรั่วซึมระบบท่อน้ำและไฟฟ้า ,และการใช้งานประตูหน้าต่าง ซื้อแล้วส่งมอบต่อให้รุ่นลูก รุ่นหลานก็สบายใจดีครับ

ในมุมมองการลงทุน : ตึกนี้เช่าได้ และจะเช่าได้ดีมากๆแน่นอน เพราะทั้ง spec ในห้อง และส่วนกลางมันตอบโจทย์ Expat ระดับผู้บริหารสุดๆ (ยิ่งเป็นคนญี่ปุ่นนี่ ยิ่งชอบตึกนี้ล้านเปอร์เซนต์ครับ) ผมเทียบจากที่เคยปล่อยเช่าตึกอื่นๆใน segment ประมาณนี้ค่าอยู่ประมาณ 1,000 – 1,200 บาทต่อตารางเมตรครับ และ demand การเช่าจะสูงแบบห้องไม่เคยว่างแน่ๆครับ (ผมเดาว่าตึกนี้คนซื้อเอาไว้ก็ไม่ค่อยจะปล่อยเช่าหรอกครับ คู่แข่งในตึกน่าจะน้อย) จะซื้อห้องเล็ก 47.5 ตร.ม.ไว้ปล่อยเช่าก็ได้ หรือ จะขยับไปแบบห้องใหญ่ๆเลยแบบ 112.5 ตร.ม. ก็ดีนะ demand เช่าห้องใหญ่ๆก็มีอยู่เยอะครับ โดยเฉพาะพวกห้องที่มาปรับเป็นสามห้องนอนได้เนี่ย ยิ่งดีเลย

ก็ประมาณนี้นะครับ ใครสนใจ Mulberry Grove Sukhumvit ก็ลองแวะเข้าไปที่ Sales Office กันได้เลยครับ จะได้ไปสัมผัสของจริง ผมชอบโครงการนี้จริงๆนะครับ เป็นคอนโดที่ซื้อได้ ซื้อเก็บระยะยาวได้ ยังไงก็ไปต่อครับ เพราะของมันดีจริงๆ และตอนนี้มีแคมเปญพิเศษส่งท้ายปี สิทธิพิเศษมีไปจนถึง 31 ธันวาคม 2565 ลองเข้าไปดูกันนะครับ

สำหรับคนที่สนใจอยากจะเข้าไปชมโครงการก็สามารถโทรนัดหมายได้ที่ Call Center 1265 หรือ https://mqdc.link/3GSaLRc  ได้เลยครับ

Comments

comments