Culture Chula คอนโด rare item บนถนนพระราม 4 – Editor’s choice!

Culture Chula คอนโด rare item บนถนนพระราม 4 – Editor’s choice! … ถ้าคิดว่าในปีนึงคอนโดใหม่ๆเปิดตัวมากมาย แล้วเราจะเลือกซื้อคอนโดดีๆสักที่ ทำเล คงจะเป็นจุดตัดสินใจหลักเลย ซึ่งในมุมมองผม Culture Chula เป็นคอนโดที่ทำเลดีโคตร! และบวกกับทางอนันดาเค้าออกแบบให้ทุกห้องเป็นห้องแบบ Hybrid เพดานสูง ในราคาตารางเมตรละ 200,000 บาท บวก ลบ ผมก็ไม่แปลกใจด้วย pack ของทำเล, ราคา, การออกแบบ ตัว Culture Chula จะมีกระแสที่ดีแบบสุดๆ เรียกได้ว่า sale office คนเต็ม คนแน่นตั้งแต่เช้าถึงดึกเลยครับ ทีนี่เกริ่นมาเยอะแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าทำไม ผมถึงได้ชอบที่นี่สุดๆ และคิดว่าเป็น คอนโดระดับ Editor’s choice ที่ไม่ซื้อคือพลาด! ของปี 2022 เลยครับ มาดูรายละเอียดกันเลยครับ

// Location \\

คอนโดที่ดี ที่ Classic ต้องเริ่มกันที่ทำเลก่อนเลยครับ ผมว่าเราซื้อคอนโดคือ เราเลือกทำเลก่อน ว่าเราคิดว่าทำเลมีศักยภาพ อยู่ได้สบาย ใกล้แหล่งงาน ใกล้ห้าง ใกล้สถานศึกษา ซึ่ง Culture Chula ตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 ช่วงใกล้ๆสามย่านครับ ถ้าเพื่อนๆคุ้นเคยกับคอนโดของทางอนันดาอยู่แล้วน่าจะรู้จัก Ashton Chula Silom และ IDEO Q Chula Samyan ซึ่งทาง Culture ก็ทำเลประมาณเดียวกับ Ashton Chula Silom เลย คืออยู่ห่างจาก MRT สถานีสามย่านประมาณ 300 เมตร และ ห่างจากสถานีศาลาแดงประมาณ 300 เมตร ต้องบอกตามตรงว่าด้วยทำเลแบบนี้ถ้าเพื่อนๆมองไปรอบๆ มันหาที่ดินเพื่อทำโครงการยากมากๆเลยนะครับ ยิ่ง project ที่เป็น Freehold แบบนี้ผมว่ายิ่งหายากเลยครับ ที่ผมบอกว่าทำเลดีเพราะอะไร? ก็เพราะ Culture Chula นั้นอยู่ในระยะเดินที่จะเดินไป สวนลุม เดินไป Samyan Mitrtow เดินไปจุฬา เดินไป Dusit Central Park เดินไป MRT ได้ทั้ง 2 สถานี เดินไปโรงพยาบาลจุฬาคือว่ามันสะดวกแบบสุดๆไปเลยครับ

https://goo.gl/maps/LXE7CnViNTAjrxiB6

ในแง่การขับรถ การอยู่คอนโดบนถนนเส้นหลักอย่างพระราม 4 ก็ทำให้เราเดินทางง่ายนะครับ จะวิ่งไปขึ้นทางด่วนก็ใกล้ๆ จะวิ่งเข้าไปสยาม จุฬา ก็แค่นิดเดียว หรือ จะย้อนไปทางสีลม สาทร สุขุมวิท ก็สามารถจะวนไปที่ U-turn แล้วขึ้นสะพานยกระดับไปได้เลย เอาว่าสะดวกมากๆครับ คือมันอยู่ใจกลางเมืองของจริงอ่ะ ดังนั้นจะวิ่งไปทางไหนก็ไม่ไกลครับ

ยิ่งถ้าเรามอง demand ของทำเลนี้ ก็จะมีทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา (แถวนี้โรงเรียนดีๆเยอะ) จะมีทั้ง Expat ที่หาที่อยู่ใกล้ Office จะมีทั้งบุคลากรทางการแพทย์ (หมอๆนี่คือชอบซื้อคอนโดมากๆเลยนะครับ) จะเห็นได้ว่าทำเลมันมีศักยภาพมากๆเลยครับ
.

หรือถ้าเราแอบมองถึงคอนโดคู่แข่งของ Culture Chula ก็ต้องบอกว่าล้วนแล้วแต่มีทำเลที่ด้อยกว่าทั้งนั้น คือจะกระเถิบออกไปทางสะพานเหลือง หรือไม่ก็เป็นคอนโดตั้งอยู่ในถนนสี่พระยา ซึ่งเป็นถนนเส้นรอง สภาพทำเลสู้Culture Chula ไม่ได้จริงๆครับ

// แนวโน้มการพัฒนาของพื้นที่ \\

ต้องยอมรับเลยว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า Mega project ที่เปิดตัวมาแล้วบนเส้นพระราม 4 จะเสร็จพร้อมๆกันถึง 2 โครงการ อันได้แต่ Dusit Central Park และ One Bangkok ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้จะทำให้ทำเลของ Culture Chula ดูดีขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยครับ มาดูกันที่ Dusit Central Park ก่อนดีกว่า เพราะเป็นทำเลที่อยู่ใกล้กับ Culture Chula มาก โดยโครงการนี้จะเป็น Mix used มีทั้ง ห้าง Central (ที่ผมดูรายละเอียดมาคือขนาดจะใหญ่อารมณ์ประมาณ Central Embassy เลยครับ เดินเที่ยว หาของกิน ของใช้กันได้จุใจเลย และมีสวนสาธารณะอยู่ด้านบนให้คนมาใช้ออกกำลังกายได้ด้วย) , Office เกรด A (ก็จะเป็นที่มาของ Expat ที่จะมี demand ในการหาที่อยู่อาศัย), โรงแรม, คอนโดแบบLeasehold (ราคาเค้าอยู่ประมาณ 300,000 บาทต่อตารางเมตร และไม่ได้ freehold นะครับ คิดง่ายๆว่ากระเถิบมาที่Culture Chula ห่างออกมานิดเดียว ได้เป็นคอนโด Freehold ด้วย แค่นี้ Cultrue ก็ดูคุ้มสุดๆแล้วครับ)

ถัดมาก็จะเป็นส่วนของ One Bangkok ที่อยู่บนถนนพระราม 4 เช่นกัน อันนี้ก็จะเป็น project ใหญ่สุดในประเทศไทยที่ลงทุนด้วยภาคเอกชน (ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่าอลังการสุดๆครับ) ที่นี่จะเป็น mix used เช่นกันครับ มี Office เกรด A, โรงแรม 5 ดาว, ห้างขนาดใหญ่ น้องๆ Paragon, คอนโดแบบ Leasehold ราคาก็น่าจะประมาณ 300,000 บาทต่อตร.ม.

นี่ยังไม่นับ project ใหม่ๆที่ทางจุฬา เค้าจะพื้นที่หลายๆ block ที่เค้ามีออกมาประมูลให้ เอกชนมาสร้าง project ต่างๆ(อย่างล่าสุดเห็นทาง MQDC เค้าได้ที่ดินขนาดใหญ่ตรงบรรทัดทองไป น่าจะทำเป็น Mix used เน้น medical อีก) จะเห็นได้ว่า ศักยภาพของทำเลแถว Culture นั้นเหลือล้นจริงๆครับ และที่สำคัญคือ ณ วันที่คอนโดเราสร้างเสร็จอีกประมาณ 3 ปี (ประมาณปี 68) พวก project ที่ผมเล่าๆมาเนี่ย มันจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ยิ่งจะทำให้ภาพทำเลมันเปลี่ยนไปอีกเยอะแน่นอนครับ

// การออกแบบ \\

คอนโด Culture Chula สร้างอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ 1 งาน เป็นอาคาร High rise สูง 32 ชั้น มีจำนวน unit ทั้งหมด612 units (ส่วนตัวผมคิดว่าความหนาแน่นก็กลางๆนะครับ ไม่ได้เยอะไป ไม่ได้น้อยไป) มีที่จอดรถ 40% โดยในคอนโดนี้จะได้ทาง Ascott ซึ่งเป็น chain โรงแรม+service apartment ระดับโลกมาช่วยในการบริหารงานนิติและส่วนกลาง (ผมว่าเป็นข้อบวกนะครับ มันจะช่วยยกระดับการอยู่อาศัยในคอนโดนี้ไปให้เหนือกว่าคอนโดอื่นๆ และเป็นการ set มาตรฐานของงานบริหาร และบริการของนิติให้สูงเทียบเท่าโรงแรมด้วยครับ อยู่แล้วน่าจะสบายใจดีครับ) โดยส่วนกลางเค้าก็จัดเต็มมาให้กับลูกบ้านนะครับตั้งแต่

ชั้น 1 – จะเป็นพวก Lobby แบบเพดานสูงดูโปร่ง (design คล้ายๆที่ sale office เลย ผมว่าบรรยากาศน่านั่งดีนะครับ) จะตกแต่งแนว modern ดูสนุก มีที่นั่งกระจายอยู่เยอะ เอาไว้รอนัดคุยกับเพื่อน หรือมานั่งเล่นก็ได้ และจะะมีสอดแทรกพวกต้นไม้สีเขียวเอาไว้ทำให้ดูสบายตาครับ และยังสามารถเดินเชื่อมต่อไปที่ชั้นลอยได้

ชั้น 1M-เป็นชั้นลอยที่จะมีห้อง co-working space เอาไว้นั่งทำงาน นั่งติวกันอย่างมีสมาธิ มีโต๊ะทำงาน มีที่ชาร์ตไฟและยังมี Video call booth เอาไว้ประชุม online, มีห้องซักรีด ผมว่าตรงนี้ก็ดีครบครันตอบโจทย์ นักเรียน นักศึกษาหรือ คนทำงานที่จะมาอยู่ที่ Culture แล้วครับ

ชั้น 30 – จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่ประกอบด้วย Co-working, Co-Kitchen, Theatre Room, Meeting room, Live Studio, Video call booth โดย function ผมว่าจะเริ่มเน้นไปที่การทำกิจกรรมร่วมกัน ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องใช้คอนโดเป็นที่ทำงาน ทำเงิน ประชุม ที่เรียนหนังสือ ไปด้วย จะพาเพื่อนมา Party มากินข้าว ดูหนัง มาติวหนังสือด้วยกัน zone ตรงนี้ก็ดูเหมาะสมดีนะครับ จะออกแนวทำอะไรสนุกๆได้เพิ่มขึ้นครับ

ชั้น 31-ที่ชั้นนี้หลักๆจะเป็นสระว่ายน้ำที่มองวิวโล่งๆ ไปทางสวนลุม ผมว่า design ของคอนโดที่ดีคือมาสระว่ายน้ำอยู่ชั้นบนๆ ได้วิวสวยๆ ที่ Culture Chula คือ โดนใจผมมากๆเลยครับ  ความยาวของสระก็เป็นความยาวที่ว่ายออกกำลังกายได้จริงจังเลยครับ (น่าจะสวยไม่แพ้สระว่ายน้ำของรุ่นพี่ที่ Ashton Chula Silom นะครับผม)

ชั้น 32 – จะะเป็นห้อง fitness ที่ให้คุณได้เสพวิวจากมุมสูงโล่งๆ คือถ้าดูจาก Exterior จะเป็นด้านบนมงกุฎของตึกที่จะดูเป็นกระจกเยอะก็ห้องนี้หล่ะครับ ผมว่า ออกกำลังกายไปดูวิวแบบนี้ไป ชีวิตดีงามสุดๆเลยครับ หิหิหิ

ชั้นดาดฟ้า – ที่ด้านบนสุดของตึกเค้ายังเพิ่มเติมสวนส่วนกลางแบบ Urban Farming , มีที่นั่งเล่นได้ มาพักผ่อนเสพวิวโล่งๆกันได้เลยครับ

เอาว่าโดยรวมๆถือว่าเป็นคอนโดที่มีส่วนกลางครบสมบูรณ์ดีมากๆเลยนะครับ น่าจะตอบโจทย์คนอยู่ของตึกได้เต็มๆเลย ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน Expat ต่างชาติ ผมว่ามาส่วนกลางตึกนี้ทั้ง Wow ทั้ง function ครบครับ และจุดที่ผมชอบจริงๆคือความชัดเจน การมีเหตุและผลในการวางส่วนกลางครับ เราจะไม่ได้เห็นส่วนกลางอะไรที่เว่อร์วังแบบว่าทำมาแล้วไม่ได้ใช้ ทำมาแล้วไม่จำเป็น เค้าจัดมาแบบเนื้อๆเน้นๆ ใช้ได้จริงครับ

// แบบห้อง \\

พูดตรงๆเลยนะ ผมคิดว่า Spec ของห้องที่ Culture Chula ให้มา ค่อนข้างจะกลางๆนะ ชุดครัว composite marble ลาย Terrazzo, เตา เครื่องดูดควันของ Mex, สุขภัณฑ์ ห้องน้ำต่างๆ ไม่ได้มีอะไรให้ตื้นเต้นครับ เรียกว่า ใช้งานได้แต่ไม่ได้เอาไว้โชว์ 555 แต่ส่วนที่ผมชอบเกี่ยวกับโครงการนี้ก็คือ ทุกห้องเป็นห้อง Hybrid เพดานสูง 4.3 เมตร เวลาเดินเข้ามาภายในโถงที่เป็น double volume แล้วผมว่ามันสวย และกระจกหน้าต่างในห้องที่เค้าให้มาก็จะสูงวิ่งขึ้นไปด้านบนด้วย ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ ห้องจะดูสวยมากๆครับ ส่วนทางขึ้นด้านบนเค้าก็ทำบันไดขนาดกำลังพอดี และใต้บันไดก็มีที่เก็บของ (บางห้องอาจจะวางเครื่องซักผ้า แล้วแต่ layout) ส่วนห้องด้านบน จะมีความสูงอยู่ที่  2.1 เมตร เรียกว่ายืนได้ หัวไม่ชนครับ และเค้าจะออกแบบให้มีการกั้นห้องด้านบนเป็นสัดส่วน มีประตูปิด มีกระจกปิดมาให้ ได้ความเป็นส่วนตัวดีครับ … นั่นคือ spec โดยรวมครับ ซึ่งผมว่า ห้องแบบ Hybrid มันมีเสน่ห์ของตัวมันเองนะ อยู่แล้วเหมือนบ้านดี และความเป็น Hybrid ก็จะสร้างความต่างจากคอนโดที่อยู่รอบๆแถวนี้ด้วยครับ(ผมคิดว่าพวกนักเรียน นักศึกษา น่าจะชอบถูกใจความเป็น Hybrid นะ) และจากที่ผมทำเพจมา ผมจะเจอคนที่เข้ามาปรึกษาหลายคนเลย อยากจะหาคอนโดที่เป็นแบบเพดานสูง เพราะชอบ อยากจะซื้ออยู่ อยากจะเช่าอยู่ ตรงนี้เป็นข้อได้เปรียบของทาง Culture Chula แบบสุดๆเลยครับ

Layout ของที่ตึกนี้มีความหลากหลายนะครับ มีตั้งแต่ one bedroom ไปจนถึง three bedroom เลย เดี๋ยวเรามาไล่ดูกันว่าแต่ละแบบเป็นอย่างไรบ้าง

ห้องตัวอย่าง A1 ขนาดด้านล่าง 26 ตร.ม. และด้านบนประมาณ 11 ตร.ม

อันนี้เป็นห้อง one bedroom ที่ผมชอบนะ ด้วยความที่ Culture เค้ามีข้อจำกัดในแง่ของขนาดตึก เลยทำให้เค้าต้องออกแบบห้องที่เป็นห้องแนวลึกมา แต่พวกทำห้องแนวลึกที่มีเพดานสูงผมว่ามันดูดี ดูลงตัวมากครับ อย่างห้องนี้ เดินเข้ามาภายในห้องเราก็จะเจอกับชุดครัว ตู้รองเท้า และห้องน้ำอยู่ zone ด้านนอก ที่เพดานสูงประมาณ 2.1 เมตร พอเราเดินมาด้านในจะมีการระเบิด space ได้เจอกับพื้นที่ที่มีเพดานสูง 4.3 เมตร ซึ่งเป็น zone living กับ dining ผมว่าอันนี้ อยู่แล้วสบายดีๆ มันเป็นความรู้สึกที่โปร่งดี อยู่แล้วเหมือนอยู่บ้าน และกระจกเค้าก็จัดกระจกมาให้สูงจากพื้นไปถึงฝ่าเลย และผนังข้าง sofa เค้าก็ยังจัดเป็นบาน fix กระจกเป็นช่องแสงมาให้เพิ่มอีก ยิ่งทำให้ห้องดูสวยขึ้นเยอะเลยครับ

เดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ก็จะเป็น zone ห้องนอน โดย ห้องนอนจะมีประตูปิดมิดชิด และ ห้องนอนก็จะกระจกกั้นไว้ให้ทำให้ประหยัดแอร์ และ คนที่อยู่บนห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัว (ดีกว่าพวกห้องที่ปล่อยชั้น 2 ไว้เป็นแค่ระเบียง ไม่ได้กั้นห้องนะครับ แบบนั้นเอาจริงๆ นอนไม่ได้หรอก มันรู้สึกถูกกวนโดยชั้นล่าง) และด้วยความที่ห้องด้านบนมีความลึกปลายเตียงก็จะวางเป็นโต๊ะทำงาน เป็น study zone ได้เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือ คนทำงานมาใช้ function ตรงนี้นะครับ) ส่วนเตียงก็วางเป็น Queen size มีที่ทำตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ ผมว่าโดยรวมๆ เป็น layout ที่ลงตัวมากๆนะครับ และเป็นห้องที่ราคาเริ่มต้นด้วย ผมว่าห้องแบบ A1 เนี่ยซื้อได้ ตัดสินใจไม่ยากครับ layout ดี ทำเลโดนหิหิหิ 

มาดู vdo ที่ผมพาเดินดูห้องนี้ได้เลยครับ

.

ห้องตัวอย่าง B2 ขนาดด้านล่าง 32 ตร.ม. รวมกับด้านบน 25 ตร.ม. 

เราได้ two bedroom + one bathroom ห้องนี้เป็นห้องที่ layout ใหม่มากๆในวงการเลยนะครับ ผมก็เพิ่งจะเคยเห็นห้องที่เป็นแบบนี้ และห้องนี้ feedback ดีนะ คนมาเดินดูแล้ว ค่อนข้างชอบการจัดสรร การใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือ ถ้าให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ เป็นห้องlayout แบบตอนลึก เข้ามาชั้นล่าง เจอกับครัวและห้องน้ำอยู่ด้านหน้า, ตรงกลางเป็น zone กินข้าว แบบ double volume, ถัดมาริมหน้าต่างเป็นห้อง living ที่ได้ระยะดู TV ไกลพอสมควร พอเราเดินขึ้นไปชั้น 2 จะแจกไปที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องเลย คือห้องนึงอยู่ฝั่งด้านประตูเข้าห้อง (อันนี้เป็นห้องนอนรอง) ก็จะวางเตียง Queen size ได้มีที่เก็บของระดับนึง ได้ห้องที่กั้นกระจก มีประตูปิด มีความเป็นส่วนตัว ถือว่าใช้ได้เลย และเดินผ่านทางเชื่อมมาก็จะเจอกับห้องนอน master ที่อยู่ติดหน้าต่าง (ห้องนี่อยู่เหนือ living zone) จะเป็นห้องนอนที่ใหญ่ขึ้นมาก วางเตียง King size ได้ระยะปลายเตียงมีเยอะ สามารถจะทำเป็นโต๊ะทำงานได้

คือห้องแบบ B2 ผมว่ามันลงตัวดีตรงที่ ชั้นล่าง เราก็เอาไว้เป็นชั้นใช้งานรวมๆ และชั้นบนก็แยกกันอยู่แบบ 2 คน 2 ห้องได้ เหมาะกับการให้นักเรียน นักศึกษามาเช่าห้องอยู่ร่วมกัน share ค่าเช่ากันไป หรืออาจจะเป็นพี่น้องอยู่ด้วยกันคือ type เนี่ยผมว่าเด็กๆอยู่รวมกัน น่าจะสนุกดีครับ แต่ถ้าในความเป็น family ซื้ออยู่ห้องแบบนี้ผมว่าอาจจะดูไม่ค่อยเหมาะ ผมว่าถ้าอยู่จริงจังเป็นครอบครัว น่าจะไปดู type  D1,D2 ที่ขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยครับ

มาดู vdo ที่ผมพาเดินดูห้อง B2 นี้ได้เลยครับ

.

ห้อง Type B1 จะเป็นห้องเพียง type เดียวในโครงการเลยที่ได้ครัวปิด ทำครัวได้จริงจัง เพราะครัวอยู่ติดหน้าต่างเลย โดยเค้ามีการเพิ่มให้ชั้นลอยด้านบน มีห้องนอนได้ถึง 2 ห้องครับ (และในห้องนอนยังมี zone ทำงานด้วยนะ ไม่ทิ้ง function ที่ออกแบบมาเพื่อนักศึกษาเลย) จัดเป็นห้องที่ pack ราคาดี ได้สองห้องนอน อยู่กันได้หลายคนครับ

ห้อง B1-1 จะเป็นห้องที่มีการกั้นห้องทำงานไว้ที่ชั้น 1 จะใช้เป็น study room อย่างจริงจัง นั่งแล้วมีสมาธิสุดๆเพราะกั้นเป็นสัดส่วน (หรือจะแอบปรับเป็นห้องนอนแขกก็ได้นะ เวลาเพื่อนๆแวะมาก็นอนที่ห้องได้ด้วย) และด้านบนชั้นลอย เค้าทำการใส่ห้องนอนได้ถึง 2 ห้องนอนเช่นกัน ทำให้ห้องแบบ B1-1 กลายเป็นห้อง super function ที่คุณจะได้ทั้ง โซน living แบบ double volume + ห้องทำงาน + ห้องนอน 2 ห้องที่ชั้นลอย !!! หรือคิดง่ายๆว่าจะเอามาปรับทำเป็น 3 ห้องนอนได้เลยนะเนี่ย ใน pack ราคาที่ก็ดีงามเช่นกันครับ

ทีนี้มาพูดถึง layout ห้องที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวกันบ้างดีกว่า จากที่ดูห้องส่วนใหญ่ของที่ Culture จะเห็นห้องหน้าแคบเกือบทั้งหมด ยกเว้นห้องหัวมุมอันได้แก่ D1,D2,C1,H1 ซึ่งผมว่าถ้าเรามีงบที่จะซื้อคอนโดระดับนี้อยู่นะ เอาเอาห้องที่ layout ดีๆได้ห้องมุม ได้ห้องหน้ากว้าง ดูจะเหมาะกว่าครับ มาไล่ดูห้องแต่ละแบบกันเลย

.

ห้องแบบ D1 (57+20.5ตร.ม.) ,D2 (48+19ตร.ม.) 

เป็นห้องที่จะได้ two bedroom, two bathroom, one powder room คือต้องบอกว่าเค้าจัด function ของสองห้องนี้มาได้ดีนะครับ คือ living มีขนาดกว้าง เป็น double volume กระจกบานสูง แสงธรรมชาติเข้าได้ดี ซึ่งผมว่ามันจะดู WOW ดีครับเวลาเดินเข้ามา และ ด้านนอกที่เป็น living กับ dining ก็มี powder room ให้เข้า เวลาแขกมา จะเข้าห้องน้ำ ก็เข้าตรงนี้ได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งกับในห้องนอนเรา มาดูที่ห้องนอน master ก็ได้ห้องนอนแบบใหญ่เลย แถมได้เป็นเพดานสูง กระจกเต็ม ทำให้ห้องนอนดูโปร่งสุดๆไปเลยครับ ซึ่งตรงนี้ใครซื้อไว้แล้วจะต่อทำเตียงเป็น 2 ชั้นเพิ่ม ใช้ความสูงห้องให้เป็นประโยชน์ก็ทำได้สบายๆครับ … ส่วนเดินขึ้นมาที่ชั้น 2 ก็ได้ห้องนอนที่มี zone ทำงาน มีกระจกและประตูกั้นเป็นสัดส่วน และที่สำคัญมีห้องน้ำอยู่ที่ชั้น 2 ด้วย คือคนอยู่ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลงไปเข้าห้องน้ำแบบห้อง Hybrid ที่อื่นๆ ซึ่งเป็นการแก้ pain point ของคนอยู่ห้องเพดานสูงเลยครับ

เอาว่าห้องแบบ D1,D2 เนี่ยเป็นห้องที่ผม highly recommend เลยครับ ถ้างบถึงก็ซื้อ D1 ได้ห้องที่ใหญ่กว่าหน่อย(ประมาณ 1 ล้านบาท) แต่ถ้างบน้อยลงก็ซื้อ D2 ได้ผมว่า function มันเท่าๆกัน ต่างกันที่พื้นที่ตารางเมตร กับมุมมองของวิวเท่านั้นเองครับ

ห้องแบบ C1 อันนี้ก็เป็นห้องที่ HOT มากๆเลยนะครับ 

เป็น Two bedroom พื้นที่ชั้นล่างประมาณ 41 ตร.ม. ชั้นบนประมาณ 25 ตร.ม. เป็นห้องที่โดดเด่นด้วยความหน้ากว้างสุดๆและได้กระจกบานสูง ลักษณะคือ เป็น living ต่อกับdining บนพื้นที่เปิดโล่ง แต่ก็มีข้อเสียนิดนึงในเรื่องความตื้นของห้อง living จะทำให้วาง sofa ได้เล็กไปหน่อย อาจจะไม่รองรับการนั่ง 3 คนนะผมว่า ส่วนห้องนอนก็จัดมาดี เพราอยู่ zone ที่ยื่นออกไปทำให้ได้หน้าต่างถึง 2 ฝั่งทั้งข้างเตียง และปลายเตียง ส่วนห้องนอนชั้น 2 ก็เช่นกันครับ ได้แสงธรรมชาติเยอะ และมีห้องน้ำอยู่ที่ชั้น 2 เลยทำให้สะดวก แต่ๆๆ ห้องนี้ก็แอบมี waste space ตรงทางเดินเข้าห้อง และที่ชั้น 2 ที่เค้าทำไว้เป็นห้องเก็บของเล็กๆ เห็นแล้วเสียดายพื้นที่ไปนิดนึง … เอาว่าเป็นห้องที่ได้ความ WOW ด้วยหน้ากว้างสุดๆ แต่ก็ต้องแลกกับพื้นที่ใช้สอยที่ดูจะตื้นไปหน่อย และเสียพื้นที่ประมาณ 3-4 ตร.ม. ไปเป็นทางเดิน กับที่เก็บของครับผม

ห้องแบบสุดท้ายที่จะพูดคือ rare item ห้องสามห้องนอน H1 

อันนี้ ขนาดรวมๆประมาณ 107 ตร.ม. คือ layout แบบว่าperfect เลยนะครับ ถ้าผมมีงบเยอะๆ ผมจะเอาห้องนี้แน่นอนครับ เป็นห้องที่ living ใหญ่ สวย โถง double volume ดูแกรนด์แบบสุดๆครับ ห้องนอนอยู่ชั้นล่าง 1 ห้อง และ อยู่ชั้นบน 2 ห้อง มีห้องน้ำที่ด้านบนด้วย อยู่เป็น family ได้ดีมากๆเลย ในราคาประมาณ 20 ล้านบาท ++ ผมว่ามันเหมือนกับเราซื้อบ้านใจกลางเมืองเลยอ่ะครับ แถมห้อง type นี้ทั้งตึกมีแค่ประมาณ 10 กว่าห้องเอง เป็นห้องที่ดี และน่าสนใจมากๆเลยครับ

.

// ข้อเสีย \\

เอาจริงๆนะ nobody perfect นะครับ ผมก็ดูกระแสของ Culture Chula มาตั้งแต่ตอนที่มีรายละเอียดเล็กๆน้อย ก็จะมีคนบ่นโน่นนี่นั่นมา ผมสรุปให้ฟังแบบเป็นข้อๆแล้วกันนะครับ

  • ราคา 200,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ถ้าเราคิดแค่พื้นที่บนโฉนดอย่างเดียว ไม่รวมพื้นที่ชั้นลอย ราคาก็จะเป็น 300,000 บาทต่อตารางเมตร … อันนี้ก็จริงครับ แต่คอนโดพวก loft, Hybrid ต่างๆเวลาคิดพื้นที่ก็ต้องคิดว่าเราได้พื้นที่ใช้สอยที่มีชั้นลอยมาประกอบด้วยป่ะ คือตัวเลขมันปรับเปลี่ยนได้หมด แต่ผมอยากให้มองถึงประสบการณ์การอยู่อาศัยมากกว่า ยังไงเราก็ใช้พื้นที่ทั้งบนและล่างในการอยู่นะครับ
  • ที่จอดรถ 40% กับคอนโดราคาระดับนี้มันไม่สมฐานะเลย … อันนี้ก็จริงครับ และเป็นสิ่งที่เปลี่ยนได้ยากครับเพราะด้วยราคาที่ดินที่มาแพงขนาดนี้ เค้าก็ต้องคุมพื้นที่ขายให้ได้มากๆและพยายามกดพื้นที่จอดรถให้เหลือแค่พอดีๆ ซึ่งผมว่า 40% ที่นี่น่าจะไม่เต็มนะครับ แอบดูจาก Ashton หรือ IDEO Q ที่มีคนเช่าเป็นนักศึกษา เค้าก็ไม่ได้ขับรถกัน นะ หรือจะเป็นบางส่วนของคอนโดที่ถูกขายให้ต่างชาติ เค้าก็ไม่ได้ใช้ที่จอดรถนะครับ คือ คอนโดที่อยู่ในเมืองใกล้รถไฟฟ้ามากๆแบบนี้ผมว่า 40% ก็ยังน่าจะเหลือให้ใช้กันได้ครับ แต่ ๆ ๆ ถ้าคุณกลัวมากๆผมก็แนะนำว่าต้องหาคอนโดอื่นครับ ซึ่งแน่นอน ราคาก็จะต้องแพงกว่านี้ไปอีกเยอะเลยหล่ะ
  • ซื้อมาปล่อยเช่าแล้วจะคุ้มเหรอ ? เอาจริงๆ yield คอนโดใจกลางเมืองสมัยนี้อยู่กันที่ 3-4% เท่านั้นหล่ะครับอย่างที่นี่ค่าเช่า 2 หมื่นปลายๆสำหรับ one bedroom ผมว่าเช่าได้ ห้องไม่มีว่างครับ ส่วนความคุ้มค่า ก็อยากให้มองcap gain มาร่วมด้วย ถ้าจะเอาเช่าคุ้มอย่างเดียว ไปมองคอนโดรอบนอกแถวๆรังสิต เกษตร ราม อาจจะดีกว่าครับ
  • ส่วนกลางตกแต่งดูเฉยๆไปหน่อย … อันนี้ผมก็แอบรู้สึกนิดนึงนะ คือมันไม่ได้ดูหรูหราสุดโต่งแบบตอน Ashton ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า Culture Chula เน้นไปที่การออกแบบที่จำเป็น และเข้ากับความ young ดูเด็ก ดูสนุกเป็นหลักอ่ะ ซึ่งผมว่ามันก็ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักดีนะครับ คือ เด็กๆมาน่าจะชอบ แต่ผู้ใหญ่ดูแล้วก็อาจจะเฉยๆไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้รู้สึกหรูหราเท่าไร แต่จากที่ผมดู sale office กับภาพ tive ก็ถือว่าพอรับได้หล่ะครับ (แต่ยังไงอยากให้อนันดาทำให้สุดฝีมือนะครับ อยากให้ออกมาสวยๆเปรี้ยงๆนะ 555)

สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อสารก็คือ Culture Chula มันก็มีข้อด้อยของมันครับ ถ้าคุณรับไม่ได้ กับบางจุด มองข้ามมันไปไม่ได้ ก็อย่าไปซื้อครับ เพราะอสังหามันเป็นเงินก้อนใหญ่ ถ้าซื้อแล้วไม่สบายใจไปอีก 10 ปีก็อย่างซื้อดีกว่าครับ แต่ในมุมผม พวกข้อด้อยต่างๆมันเล็กน้อยเทียบกับข้อเด่นของ Culture นะครับ ผมก็ยังรู้สึกว่า Culture มีดีเยอะมากมาย พอจะแนะนำให้คนมาซื้อได้ครับ

// สรุป \\

โดยสรุปนะผมชอบ Culture Chula และคิดว่าเป็นคอนโดที่ซื้อได้ครับ (ผมเองก็มีซื้อห้องที่นี่ไว้ด้วยนะ เห็นไหมว่าชอบจริงๆ) ถ้าคุณคิดในแง่ทำเลอย่างเดียว ที่นี่ก็ชนะขาดแล้ว ในขณะที่คอนโด Leasehold รอบข้างขายกันที่ 3แสนกว่าบาทต่อตร.ม. แต่คุณซื้อที่นี่ได้เป็น Freehold ในราคา 2 แสนบาทต่อตารางเมตร ถึงแม้ว่า spec ในห้องอาจจะดูธรรมดาไปหน่อย แต่ผมไม่ค่อย serious นะ ผมว่าภายในห้องเราไม่ชอบ เราก็เปลี่ยนได้หมด แต่สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้คือทำเลมากกว่าครับ ประกอบกับ ณ วันที่ Culture Chula เสร็จ big project ทั้ง Dusit Central Park, One Bangkok ก็จะเสร็จเป็นรูปเป็นร่าง ผมว่ามันยิ่งยกระดับให้กับคอนโดเรา ทำให้เป็นทำเลที่น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยครับ

ในมุมมองการซื้อเพื่ออยู่เอง … ผมว่าถ้าคุณซื้อสองห้องนอน, สามห้อง ได้ ผมอยากให้ซื้อที่นี่ไว้ครับเพราะเป็นproduct ที่ดี ได้ห้อง layout ดี ใช้งานได้สะดวก อยู่เป็น family ได้จริงจัง ยิ่งถ้าเราไปเทียบราคาของ สองห้องนอนที่Culture Chula เทียบกับ Ashton Chula Silom คือรวมๆแล้วราคาของ Culture Chula ยังถูกกว่า Resale ของ Ashton เลย และที่นี่เราได้ห้องเพดานสูง ทำเลแอบใกล้พวก Dusit ใกล้สวนลุมเข้าไปอีก ผมว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากเลยครับ

ถ้าซื้อเอาไว้ปล่อยเช่า ผมมองว่า One bedroom ที่นี่ก็น่าอยู่แล้วครับ แต่ในการปล่อยเช่าผมไม่อยากให้มองแค่ว่าเราจะเช่านักศึกษานะครับ เพราะด้วยศักยภาพของทำเล จริงๆแล้ว Expat ต่างชาติ ก็จะมาหาเช่าที่นี่แน่นอนครับ (ก็ใกล้ทั้ง Dusit และ One Bangkok) แต่ถ้าเรา focus ที่นักเรียน นักศึกษาเป็นหลัก ผมว่าที่ Culture Chula ชนะขาดทุกคอนโดในย่านนี้ครับ ด้วยความใหม่ ส่วนกลาง และห้องแบบเพดานสูง เด็กๆชอบแน่นอนครับ และในการหาเช่าDemandเช่าก็จะต้องเช่าที่ Culture ให้เต็มก่อน ค่อยไปเริ่มหาเช่าคอนโดอื่นๆครับ (มันจะเป็นอย่างนั้นแน่นอนเหมือนตอนนี้ demand เช่าก็จะหา Ashton Chula Silom กับ IDEO Q ให้เต็มก่อน) ส่วนค่าเช่า one bedroom ผมว่าเพดานน่าจะอยู่ที่ 2-3 หมื่นบาท (อาจจะได้ 2 หมื่นปลายๆ ถ้าเราเทียบกับค่าเช่าที่ Ashton ณ ปัจจุบันนะครับ) ถามว่าค่าเช่ามันคุ้มมากไหม ก็อาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่รับรองว่าห้องไม่มีว่างแน่ๆครับ และผมว่าที่นี่คนซื้อต้องมองถึงกำไรจากการขายต่อด้วยหล่ะ ไม่ได้จะสนใจแค่ yield จากการเช่าเพียงอย่างเดียวครับ

ก็น่าจะประมาณนี้นะครับสำหรับ Culture Chula อ่านเสร็จแล้วก็รีบๆไปซื้อกันนะ เดี๋ยวห้องเค้าหมดก่อนนะจะบอกให้555

หากสนใจโครงการ คลิกลงทะเบียนที่นี่ https://anan.ly/3LAhS0O

ถ้าชอบเนื้อหา เข้าไปกด Like กันที่เพจ #WhyIBuyThisCondo 

หรือจะกด follow เพื่อติดตามเพจผมก็ได้นะครับ

www.facebook.com/whyibuythiscondo/

www.whyibuythiscondo.com

Comments

comments