ผมได้เข้าไปดูคอนโด Reference สาทร วงเวียนใหญ่ จากทาง SC Asset มา 2 ครั้งแล้ว ไปดูมาแล้วมีความประทับใจในหลายอย่าง เลยอยากจะมา share ให้เพื่อนๆฟังกันนะครับ ผมว่าที่ Reference เค้ามีการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียดทุกจุก ตั้งแต่งาน design ส่วนกลาง ,spec ของภายในห้อง, การจัดวาง layout ห้อง, ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาในห้อง ดูแล้วรู้เลยว่าคนทำโครงการนี้เค้าคิดๆๆๆมาเพื่อให้คนอยู่อาศัยจริงๆครับ ถ้าเพื่อนๆคนไหน กำลังหาคอนโดที่เดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายๆ ในราคาเริ่มต้นที่ 3 ล้านนิดๆ ผมว่าลองอ่านกันดูนะครับ คอนโดนี้เค้าน่าสนใจจริงๆนะ
มาว่ากันเรื่องของทำเลก่อนเลย ตัวคอนโด Reference ตั้งอยู่บนถนนกรุงธนบุรี ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีวงเวียนใหญ่ไปแค่ 130 เมตร (เป็นระยะที่เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ใกล้มากๆนะครับ ผมไปเดินมาแล้ว นิดเดียวเอง) ด้วยทำเลนี้ผมว่าคนที่ต้องเดินทางเข้า/ออกเมือง ไปที่สาทร สีลม พระราม4 สยาม จะสะดวกมากๆครับ และในความเป็นฝั่งธน ทำเลนี้มีของกิน street food ร้านอาหารใกล้ๆมากมายนะครับ หรือถ้าจะมองไปที่ห้างใหญ่ๆ ก็อยู่ไม่ไกลจาก The Mall ท่าพระ (ตอนนี้เค้า upgrade เป็น M Lifestore ทำดีมาก ของกินเยอะสุดๆ) หรือ จะไป ICON SIAM ก็ไม่ไกลแค่นั่งรถไฟฟ้าไปเปลี่ยนเป็นสายสีทอง ก็ถึงห้างใหญ่ที่สุดในฝั่งธนแล้ว ใน zone นี้จะไปโรงเรียนใหญ่ๆ (กรุงเทพคริสเตียน, อัสสัม, เซนต์โย, etc.) จะไปโรงพยาบาลดีๆ ก็มีครบหมดครับ ถ้ามองในแง่การขับรถ ออกจากโครงการถ้าจะเข้าเมืองก็วิ่งไปทางสะพานสาทรก็ง่าย เลี้ยวซ้ายออกมาจากคอนโดปุ๊บ ก็เจอ U-turn เข้าไปได้สบายๆ หรือ จะไปวงเวียน ไปถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ก็ขับไปง่ายๆครับ จัดว่าเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก เข้าออกเมืองได้ง่าย และในแง่การพัฒนาของทำเลในอนาคต ต้องบอกว่ารอบๆสถานี BTS วงเวียนใหญ่ (สายสีเขียว) ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง(เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) และ สายสีแดง(หัวลำโพง-มหาชัย) มาเปิดสถานีใกล้ๆอีก จะทำให้การเดินทางจากคอนโด Reference สะดวกขึ้นไปอีก และมองไปใกล้ๆทาง ICON SIAM ก็จะเปิดตัวเฟส 2 ที่จะมีโรงแรม มีร้านอาหาร มี supermarket เพิ่ม ก็ยิ่งส่งเสริมให้การอยู่ในทำเลนี้มันสะดวกยิ่งขึ้นครับผม
// รายละเอียดโครงการ และ การออกแบบ \\
คอนโด Reference Sathorn-Wongwianyai ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่นิดๆ มีอาคารพักอาศัยอยู่ 2 อาคาร ความสูง 32 ชั้น และ 51 ชั้น (เป็นตึกที่สูงโดดเด่นสุดๆในย่านนี้เลย) มี unit รวมกัน 815 unit และอาคารด้านหน้าที่ตอนนี้เป็น sale office อยู่จะเป็นอาคาร commercial ที่อนาคตจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้า (จะมี Foodland แบบใหม่มาลง เพิ่มความสะดวกในการซื้อของสำหรับคนอยู่ในคอนโดมากๆเลย) จำนวนที่จอดรถมีมาให้ 45% และมีช่องชารต์ EV มาให้ 5 station ถ้าในมุมมองของผม ที่จอดน่าจะเหลือๆสบายๆครับ เพราะคอนโด segment นี้อยู่ใกล้รถไฟฟ้าแบบนี้ คนอยู่ไม่ได้ต้องใช้รถกันทุกคน และใน zone นี้ก็ยังมี Expat อยู่อาศัยด้วย ซึ่งไม่ค่อยจะใช้รถกันเท่าไหร่ครับ
ในมุมของการออกแบบที่นี่เค้าคิดมาเยอะนะครับ ต้องบอกว่า Reference เค้าใช้ พระจันทร์ มาเป็น main inspiration โดยเราจะเห็นได้จากการใช้เส้นโค้ง มาเป็นภาษาหลักในการออกแบบทั้ง exterior และ interior การใช้วัสดุที่มี texture และสีที่ออกไปในโทนขาว โทนเทา monochrome แบบ minimal สื่อไปถึงแสงและเงาจากพระจันทร์ ถือคิดง่ายๆว่าบรรยากาศภายใน lobby ภายในส่วนกลาง มันจะให้ความรู้สึก Relax ดูสบายตา มีความเป็น Cafe ที่มองไปมุมไหนก็สวย มุมไหนก็น่าถ่ายรูปไปลง IG จริงๆครับ (ลองเข้ามาดู sale office กันได้ครับ ให้บรรยกาศ Cafe style minimal ที่กำลังฮิตๆอยู่เลย) ซึ่งแนวทางนี้ผมว่ามันเหมาะกับ Gen Y ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการดีนะครับ และมองในระยะยาวด้วย style การออกแบบ การใช้ material ต่างๆผมว่ามันเป็นความสวยที่คงอยู่ได้นาน ดูมี taste ดูดีในระยะยาวแน่นอนครับ ในส่วนของ Exterior ผมว่าเค้าออกแบบมาได้มีภาพจำ มีความเป็น landmark ดูโดดเด่นดีนะครับ อย่างตึก commerial ด้านหน้า (ที่ตอนนี้เป็น sale office) ก็มีการใช้ซุ้มโค้ง(Arch) มีทรงที่สวยมากๆ และ design ประมาณนี้ก็จะกระจายไปที่ส่วนกลางชั้นบนของตึก A และ B ด้วย อีกเรื่องที่ผมแอบประทับใจคือเรื่อง Exposure ของที่นี่นะครับ เพราะถ้าเรามองไปบนถนนเส้นนี้ คอนโดส่วนใหญ่จะมีความสูงอยู่ประมาณ 20-30 ชั้นเท่านั้นเอง แต่ที่ Reference ตึก B จะสูงถึง 51 ชั้น รับรองได้ว่า โดดเด่นแบบสุดๆแน่นอนครับ.
// ส่วนกลาง \\
การอยู่คอนโดสมัยนี้ ต้องยอมรับว่าปริมาณ , การจัดว่า function และการออกแบบของส่วนกลางมีความสำคัญมากๆเลยนะครับ อย่างที่ Reference เค้าก็ตีโจทย์เรื่องนี้มาได้ดีมากๆ เพราะส่วนกลางมีเยอะกระจายตัวอยู่ทั้ง 2 ตึก และมีความหลากหลายของ function ให้ลูกบ้านได้เลือกใช้งานมากมาย ไล่มาตั้งแต่
ตึก A ชั้น 1 : Moon lobby – อันนี้จะเป็น lobby แบบทั่วๆไปที่เรานัดเพื่อน นัดคนมาเจอกันตรงนี้ได้ , Lunar Lounge จะเป็นเหมือน private lobby ที่จะเงียบสงบกว่า ถ้าจะเข้ามาต้องแตะบัตรเท่านั้น
ตึก A ชั้น 10 : Cresent pavilion, Floating terrace, Play yard ส่วนนี้หลักๆจะเป็นทางเชื่อมกันระหว่างตึก A และ B โดยจะมีการทำสระน้ำแบบตื้นเอาไว้สร้างบรรยากาศ มีการวางสวนสีเขียว และวางพวกทางเดินแบบซุ้มโค้งไว้ ดูสวย ทุกคร้ังที่เดินมาจากที่จอดรถ ก็จะได้เห็นบรรยากาศดีๆดูสบายตาครับ
ตึก A ชั้น 31 : Fitness ก็จะเป็นส่วนกลางที่ชั้นบนสุด เป็นแนว active มีเครื่องเล่น fitness มีห้องโยคะ มีห้อง Pilates (ที่ออกำลังกายท่าเหมือนพายเรือ) และยังมี Moon deck มาให้นั่งเล่น chill ๆ ชมวิวสวยๆอีกด้วยครับ
ตึก B ชั้น 1 : Orbit co-space โซนนี้จะเป็นทั้ง lobby และเป็น working space ให้กับลูกบ้าน สามารถมานั่งทำงาน นั่งประชุมงานตรงนี้ได้ เหมาะกับการ work from home ดีครับ
ตึก B ชั้น 50 : Moon Cave swimming pool จะเป็นสระว่ายน้ำขนาดยาว 30 เมตร กว้าง 10 เมตร อยู่ชั้นบน วิวสวยสุดๆ และใช้พื้นสระสีขาว มีการทำสระเป็นทรงโค้ง คือขึ้นมาดูแล้วต้องสวยสลบเลย หิหิหิ มาตรงนี้แล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายลง IG ซะหน่อยแล้ว
ตึก B ชั้น 51 : Fly-to-the-moon lounge ก็จะเป็นห้องนั่งเล่นชมวิวเมืองสวยๆ มองไปได้ทุกมุม เพราะอยู่สูงสุดๆเลย น่านั่งมากๆ และยังมี Eclipse Onzen บ่อแช่น้ำร้อนที่อยู่สูงที่สุดในฝั่งธน (หรืออาจจะสูงที่สุดใน กทม. เลยนะครับ หิหิหิ) น่าใช้งานมากๆ
ตึก C ชั้น 1 : จะเป็น Foodland (เต็มพื้นที่เลย)
ตึก C ชั้น 2 : The Ref roof garden จะเป็นสวนส่วนกลาง ให้ลูกบ้านขึ้นมาใช้งานได้ โดยจะมีการจัดวางเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่ง จะนั่งเล่น นั่งทำงาน outdoor กันได้สบายเลยครับ
นอกจากนี้ on ground ก็จะมีพวกสวนสีเขียวระหว่างตึก, มี water feature เป็นสายน้ำตกหน้า lobby (เข้ามาได้จะได้ยินเสียงน้ำ ให้ความรู้สึก relax คล้ายๆที่ Saladaeng One เลยอ่ะ), มีการจัดวางพวก smart locker ไว้อำนวยความสะดวกลูกบ้านที่ซื้อของ online, มีการจัดห้องรับของพวก food delivery ให้ลูกบ้านสามารถลงลิฟต์มาปุ๊บ ก็แว๊บไปเอาของที่ห้องแล้วกลับขึ้นห้องได้เลย ไม่ได้ต้องไปเดินผ่าน lobby ไปเดินผ่านคนเยอะๆ เพราะบางทีเราอาจจะลงมาในชุดนอน หรือ ชุดที่ไม่ได้พร้อมจะเจอใคร ,หรือจุดเล็กๆน้อยๆ อย่างตรงที่จอดรถ จะมีบางห้องที่หันไปตรงนั้น เค้าก็ยังออกแบบ facade design พิเศษ ชื่อเรียกเก๋ๆว่า Twinkle wall โดยจะใช้มันบังที่จอดและ เจาะช่อง facade เป็นรูกระจายๆกันไป ทำให้เวลามองแล้ว เหมือนกับผนังนั้นมีแสงเล็กๆลอดออกมา เป็นการสื่อถึงดวงดาวบนท้องฟ้า โอ้ว !!! คิดได้ไงเนี่ย 555 … คือโดยรวมๆผมแค่จะสื่อว่าทาง SC เค้าใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบจริงๆนะครับที่นี่ ดังนั้นซื้อแล้วมั่นใจได้เลยว่าจะได้ของดี ไม่มีผิดหวังครับ
// แบบห้อง \\
ภายในห้องที่ Reference เค้าก็มีการจัด spec ที่ถือว่าดี match กับราคาเลยนะครับ เริ่มจากเฟอร์นิเจอร์ก็ให้มาแบบ fully furnished คือได้ทั้ง ครัว ตู้รองเท้า โต๊ะกินข้าว ตู้เสื้อผ้า โต๊ะแต่งหน้า เตียงนอน เก้าอี้ sofa ต่างๆครบครัน เรียกได้ว่าซื้อของเข้าห้องอีกนิดหน่อย ก็เข้าอยู่ได้เลยครับ, มีประตูแบบ Digital doorlock, ได้ระบบ Home automation มีหน้าจอแบบ touch screen อยู่ในห้องด้วย, ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร (ถือว่าเป็นความสูงที่ดี อยู่แล้วจะรู้สึกโปร่งสบาย) ,พื้นในห้องจะปูด้วยกระเบื้อง SPC ลายไม้ (จะทนน้ำ ทนรอยขีดขวนได้ดี ดูแลรักษาง่าย ในระยะยาว) , กระจกก็ให้บานใหญ่ กว้าง มีบานกระทุ้งที่ใหญ่ ทำให้แสงธรรมชาติ และลมเข้าในห้องได้ดี , ห้องน้ำก็ให้มาครบ มีช่องเก็บของในห้องน้ำ มี rain shower ให้ ,เอาว่าโดยรวมๆผมชอบนะ ครบ และ ใช้งานได้จริง ทีนี้มาไล่ดู layout แต่ละแบบแล้วกันครับ
ห้องแบบ Studio 27 ตร.ม.
เป็นห้อง studio ที่ผมว่า WOW สุดๆ ที่หลายๆคนเห็นแล้วน่าจะชอบ function และวิธีคิดออกแบบห้องนี้ครับ เริ่มตั้งแต่ทางเข้าห้องจะมีตู้รองเท้า และครัว ถัดมาจะเป็น zone แต่งตัวแบบ walk-in closet ปิดกั้นเป็นสัดส่วนได้ และเชื่อมต่อกับห้องน้ำ, เดินเข้ามาภายในจะมีการระเบิด space เป็นพื้นที่รวม function ของ living กับส่วนนอนเข้าด้วยกัน ทางโครงการเค้ามีการ built-inโต๊ะกินข้าว แบบพับเก็บเข้าไปในตู้ได้ (เจ๋งมาก!!!) ทำให้เวลาที่เราไม่ได้ใช้งานก็สามารถเก็บโต๊ะเข้าไป จะเป็นการเปิดพื้นที่ ทำให้โซน living มีความกว้างขวางน่าใช้งานสุดๆ ส่วนของเตียง Queen size และเบาะที่นั่ง sofa ก็ทำเป็นยกพื้นลอยขึ้นมา ทำให้ด้านล่างสามารถทำเป็นลิ้นชัก ช่วยเพิ่มพื้นที่ storage ให้กับห้องอีก หรือ อย่างเก้าอี้ทานข้าวก็ให้มา 2 ตัว ก็สามารถจะพับเก็บ เอาเข้าไปแขวนในตู้เก็บของที่ทางโครงการเข้า built มาให้ ดีงามจริงๆ (คือเค้าคิดมาให้เราเยอะมากๆเลย)
ส่วนของกระจกในห้อง ก็ดูกว้าง ดูเต็ม แสงเข้ามาได้เยอะ ยิ่งทำให้ห้องนี้ดูสวยครับ ระเบียงก็ออกไปใช้งานได้จริงจัง และสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ผมว่าห้องแบบ 27 ตร.ม. เป็นห้องที่มีจุดขาย มีการออกแบบที่ดี น่าอยู่จริงๆครับ และห้องนี้ยังเป็นห้องราคาเริ่มต้น 3 ล้านกว่าๆผมว่าเป็นห้องที่น่าสนใจดีนะ ถ้าอยู่เอง ก็อยู่ห้องนี้ได้ เบื่อๆก็ออกไปนั่งเล่นที่ส่วนกลาง โอ้ว ดีงามอ่ะ ผมเล่าอาจจะไม่เห็นภาพ ลองดูใน vdo กันได้ครับ
ห้องแบบ One bedroom. 31 ตร.ม.
ห้องนี้เป็นแบบ layout ที่มีการกั้นสัดส่วนระหว่าง ครัวก็ได้ครัวปิด , living แยกออกมาจากห้องนอน คือแบ่ง function ออกมาได้ดี ถ้าอยู่กัน 2 คน คนนึงจะนอน คนนึงจะนั่งดู TV ต่อก็ทำได้สบายครับ และที่สำคัญครัวปิด สามารถใช้ทำอาหารได้จริงจัง กลิ่นไม่เข้ามารบกวน ส่วนครัวก็มีพื้นที่เยอะ ได้ counter ทั้ง 2 ฝั่ง มีตู้รองเท้า built in มาให้แล้ว, ในส่วน living ได้บานกระจกเปิดออกไปที่ระเบียงบานใหญ่ ระเบียงก็ขนาดกำลังดี แขวน compressor แอร์ไว้ด้านบน ไม่เกะกะ ส่วนในห้องนอน ผมว่า space ใหญ่ดี ดูสบาย น่านอนครับ กระจกในห้องนอนก็กว้าง และสูง มองไปแล้วดูโล่งดี ห้องน้ำสามารถเข้าได้จากในห้องนอนเลย สะดวก และได้ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เก็บของได้เยอะ
ลองดูผมพาทัวร์เป็น vdo ได้ครับ
ห้องแบบ Two bedroom 70 ตร.ม
อันนี้เป็นห้องที่ผมชอบมากๆอีกห้องนึง เพราะเป็น two bedroom ที่พิเศษ ได้หน้ากว้างมากถึง 13 เมตร ทำให้เวลาเข้ามาในห้องแล้วรู้สึกว่ากว้างสุดๆ เหมือนอยู่บ้านเลยครับ เริ่มเข้ามาในห้อง จะมี โถงทางเข้าก่อนที่จะเข้าห้องจริงๆ ให้เราได้เก็บพวกของอาจจะเลอะๆหน่อย เช่นพวกจักรยาน อุปกรณ์ outdoor ต่างๆ เปิดประตู้เข้ามาในห้อง เราจะเจอกับ ครัวทรงตัว U โอบล้อมเรา พื้นที่ทำครัวเยอะมากๆ ส่วนของ living ก็หน้ากว้าง ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ระยะดูทีวี คือ ไกลมากเลยครับ แขวน TV 65 นิ้วได้สบายๆเลย sofa ก็เป็นโซฟาผ้า3ที่นั่งทรง L-shape นั่งสบาย โต๊ะทานข้าวก็นั่งได้แบบ 4 คน อยู่ริมระเบียงที่เป็นมีบานกระจกขนาดใหญ่กั้นไว้ (โดยที่ระเบียงนี้จะโล่งสุดๆให้เราได้ take view ได้เต็มๆ เพราะ two bedroom ที่นี่จะอยู่ที่ชั้นค่อนไปทางสูงครับ) ถัดมาฝั่งตรงข้างจะมีระเบียง service ที่เอาไว้ใช้ตากผ้า เอาไว้เก็บ compressor แอร์ ทำให้ห้องเราดูเป็นระเบียบเรียบร้อย และใน living ยังได้แอร์เป็นแบบฝั่งฝ่าด้วยครับ (เป็นการ upgrade spec จากแอร์ wall type ในห้องแบบอื่นๆครับ) ในพวกห้องนอนใหญ่ ก็ดูสวย ได้กระจกบานใหญ่แบบเข้ามุม เปิดช่องแสงให้กว้างขึ้นไปอีก พื้นที่ตู้เสื้อผ้ามีเยอะ ได้ห้องน้ำกว้างสุดๆ (เหมาะกับผู้สูงอายุดีครับ) และห้องนอนเล็ก ก็วางเตียง Queen size ได้สบายๆ มีตู้เสื้อผ้า built in มาไว้ให้ที่ปลายเตียง… จัดว่าห้อง type นี้ออกแบบดีมาก!!! เลยครับ หน้ากว้าง ทำให้บรรยากาศมันดีจริงๆ ผมเข้าไปห้องนี้แล้วเคลิ้มเลยอ่ะ เหมาะกับคนซื้อที่ต้องการอยู่อาศัยเป็นแบบครอบครัวมากเลยครับ เป็นห้องที่สวย ในระยะยาวผมว่า ห้องแบบนี้มี value ดีนะครับ และ type นี้มีจำนวนห้องไม่เยอะ (ประมาณแค่ 40 ห้องเอง) เค้าทำแค่ชั้นสูงๆ ถือว่าเป็น rare item นึงของโครงการนี้เลยนะครับ ลองดูผมพาทัวร์เป็น vdo ได้ครับ
// ในมุมมองการเลือกซื้อ \\
ผมคิดว่าด้วยทำเลของ Reference ที่อยู่ฝั่งธน แต่ก็สามารถเข้าออก CBD ได้ง่าย ทำให้คนที่ซื้อที่นี่ มีหลายกลุ่มเป้าหมายนะครับ ผมแบ่งเป็นแบบนี้แล้วกันนะครับ
กลุ่ม Gen Y เพิ่งเริ่มทำงาน / คนทำงาน office ในเมือง
ด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 3 ล้านบาท ผมว่าถ้าเป็น Gen Y ที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือ ทำงานมาแล้วสักพัก มีเงินเดือนสัก 2-3 หมื่นบาท (บวกลบ) น่าจะซื้อห้อง studio ที่นี่อยู่ได้ ทำเลนี้ก็สามารถเข้าไปทำงานในเมืองได้สบายๆ อยู่สีลม สาทร ใช้รถไฟฟ้าก็ง่ายมากๆครับ และการออกแบบของ Reference ที่ support lifestyle ของ Gen Y มากๆเลย อย่าง studio มีความ hybrid จะเก็บโต๊ะทำงาน เปิดพื้นที่ให้ห้องให้กว้างได้ หรือว่าส่วนกลางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น co-working space, จุดรับส่ง food delivery, fitness, Foodland คืออยู่แล้วสบายๆดีครับ ยิ่งเราอยู่ห้องขนาดไม่ได้ใหญ่มาก เราก็ลงมาใช้เวลาอยู่กับส่วนกลางของโครงการได้แบบ happy อย่างสุดๆครับ หรือ ถ้างบเพิ่มขึ้นมาหน่อยประมาณ 4-5 ล้านผมว่าเราเลือกเป็น one bedroom หรือ one bedroom plus เลยก็ได้ครับ จะได้พื้นที่ที่แยกกันเป็นสัดส่วน (living กับ bedroom แยกกัน) เหมาะกับการอยู่คนเดียว หรือ อยู่กันสัก 2 คนสบายๆครับจะได้ไม่กวนกัน
กลุ่ม ครอบครัว ที่ ลูกเรียนในเมือง
ผมว่าห้องแบบ two bedroom ที่นี่มันน่าอยู่อาศัยแบบครอบครัวสุดๆไปเลยครับ ยิ่งถ้ามีลูกเรียนในเมืองต้องไปส่งตั้งแต่เช้า เช่นไปเรียนแถวๆสาทรเนี่ย ยิ่งเหมาะเลย เพราะเดินไปขึ้น BTS เดินนิดเดียวก็ถึงสถานีวงเวียนใหญ่แล้ว จะไปในเมืองก็ง่ายสุดๆครับ หรือจะไปเที่ยว ICON SIAM ก็ง่ายๆ และส่วนกลางต่างๆที่เค้าทำออกมา ผมจินตนาการได้เลยว่า เวลาเด็กๆมาเล่นตามจุดต่างๆน่าจะมีความสุขดีครับ ที่สำคัญ Foodland ด้านล่างจะอำนวยความสะดวกให้กับคนอยู่ที่นี่อย่างสุดๆเลย เวลาคุณแม่บ้านจะไปซื้อของอะไรก็สะดวกสุดๆครับ (และถ้าเค้าเอา ร้านอาหารถูกและดี (ของ Foodland) มาเปิดด้วยนี่ยิ่งสุดยอดเลยครับ ฝากท้องได้สบายๆ comfort food อร่อยๆ) หรือถ้างบน้อยลงหน่อย ก็สามารถจะดูห้องพวก One bedroom plus แทนได้ครับ ก็จะได้ pack ราคาที่ ok อยู่นะครับ
กลุ่ม ซื้อลงทุนปล่อยเช่า/ขาย
ที่ Reference ถ้าซื้อมาปล่อยเช่า ผมอ้างอิงจากพวกคอนโดในละแวกนี้ ปล่อยเช่าได้ ไม่ยากนะครับ งบเช่า หมื่นต้นๆ มีพนักงาน office คนไทย, Expat มาเช่าอยู่ zone นี้เยอะนะครับ และยิ่ง คอนโดเราเสร็จออกมาสวย ตึกสูงโดดเด่น น่าอยู่ design ของ Reference ก็ชนะคอนโดรอบๆแน่นอนครับ คนซื้อมาปล่อยเช่าได้สบายๆแน่นอน และ มีเฟอร์นิเจอร์มาให้พร้อมในห้องแล้ว จะปล่อยเช่าก็ไม่ต้องออกแรงตกแต่งห้องมากมายครับ แต่ถ้ามองถึงว่าจะซื้อเก็งกำไรผมว่าต้องเลือกห้องดีๆ หาห้องไม่ถูกสุดๆ ก็เอาแบบดีที่สุดไปเลย อย่างเช่น เอาห้อง studio ชั้นเตี้ยๆพอเห็นส่วนกลางด้านล่าง ราคาดีๆ หรือ จะไปเอา Two bedroom layout แบบสวยสุดๆ ชั้นสูงๆเทพๆไปเลย น่าจะดีครับ แต่ ๆ ๆ ๆ ก็ขึ้นกับราคาที่เราได้มา การลงทุนมีความเสี่ยงคนซื้อต้องศึกษาให้ดีนะ และ ควรจะมองเรื่องแผนสำรองด้วยว่าเราซื้อมาแล้วต้องสามารถจะโอนได้ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาปวดหัวเวลาหาคนซื้อต่อไม่ได้นะครับ
การเลือกระหว่างตึก A กับ ตึก B
คือสำหรับคนที่มองจะซื้อที่นี่จริงๆ ผมว่าค่อยๆคิดว่าจะเอาตึก A (ตึกเตี้ย) หรือตึก B (ตึกสูง) เพราะ type ห้องต่างๆของตึก A,B มีความคล้ายกัน แต่ว่าแต่ละตึกก็มีจุดเด่นไม่เหมือนกัน ในมุมผม ผมว่าถ้าอยู่เองใช้รถเป็นประจำ เราควรเลือกอยู่ตึก A ก็จะง่ายในการจอดรถแล้วก็ขึ้นไปที่ห้องเราได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเชื่อมไปๆมาๆ แต่วิวของตึก A ก็อาจจะไม่สวยเท่ากับวิวชั้นสูงๆของตึก B หรือ ถ้าคุณเป็นคนชอบใช้ส่วนกลาง ตึก B ก็จะมีสระว่ายน้ำอยู่ด้านบน มี co-working space อยู่ด้านล่าง จะไปใช้งานพวกนี้ก็สะดวก ขึ้นลิฟต์ไปเล่นน้ำ แล้วก็กลับลงมาที่ห้องได้เลย (ถ้าอยู่ตึก A อยากมาว่ายน้ำก็จะต้องเปลี่ยนลิฟต์ ไปๆมาๆ ก็จะยากกว่าอยู่ตึก B นิดนึงครับ) พวก factor พวกนี้อาจจะมองว่าเล็กๆน้อยๆแต่มัน matter ในการอยู่อาศัยนะครับ เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องทำประจำทุกวัน ก็ฝากไว้ค่อยๆพิจารณากันครับผม
// สรุป \\
เล่ามาซะเยอะ เอาว่า เพื่อนๆคนไหนที่หาคอนโดทำเลดี 130 เมตรจาก BTS วงเวียนใหญ่ เข้า/ออกเมืองได้สะดวก ในราคากลางๆจับต้องได้ มีส่วนกลางที่ออกแบบมาทั้งสวย และ ดี , layout+spec ในห้องมีการคิดมาให้อย่างดีแล้ว และยังเป็นห้องแบบ fully furnished ด้วย ผมว่าลองเข้ามาดูที่ Reference Sathorn-Wongwianyai กันนะครับ ผมรับรองว่า เข้ามาแล้วต้องชอบแน่ๆเลย
สนใจลงทะเบียนที่ https://bit.ly/3wYBcz8
ในวันที่ 25-26 มิถุนายน จะมี
– soft opening เปิดชั้นใหม่ high zone
– รับ iphone 13 (รับวันทำสัญญา)
-กิจกรรมพิเศษวันอาทิตย์ที่ 26 : special workshop
HOME VEGGIE GROWING with Pearypie
กิจกรรมปรุงดิน หมักดิน เพาะเมล็ดพันธุ์
(RSVP 10 สิทธิ์เท่านั้น )