โครงการ 28 Chidlom นั้นจัดว่าเป็นโครงการหนึ่งที่อยู่ในหัวใจผมนะครับ เพราะว่าทำเลนี่ best of the best แล้วในส่วนของการออกแบบตึกและส่วนกลางต่างๆก็เป็นแนวที่ผมชอบเลยครับ หรูหราดูไม่ซ้ำใครดี โดยส่วนตัวผมมักจะชอบโครงการที่มีพื้นที่ใหญ่ๆกว้างๆหน่อยเพราะว่ามันจะได้ความรู้สึกของ space บนดิน เวลาเราอยู่คอนโดนั้น พื้นที่บนดินยิ่งมีเยอะก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากขึ้น อย่างที่ 28 Chidlom เขาแบ่งตึกออกเป็น 2 ตึก เว้นระยะห่างจากกันหน่อย แล้วปล่อยให้ตรงกลางเป็นคอร์ดเป็นสวนเป็นน้ำตกทำให้เวลาเรานั่งอยู่ในล็อบบี้ หรือเวลาเราเดินขึ้นไปบนตึกไปใช้ส่วนกลางเราได้เดินผ่านพื้นที่สวนสีเขียว ซึ่งคอนโดอื่นๆมักจะไม่ให้ feeling นี้กับคนอยู่อาศัย (ส่วนมากมาถึงก็ขึ้นตึกเลย) แต่ที่ 28 Chidlom คุณได้ feeling แบบนี้ ผมว่ามันมีคุณค่าทางใจดีนะครับ ใครสนใจอ่าน first impression ของผมที่มีต่อ 28 Chidlom ก็ไปอ่านได้ตามลิงค์นี้เลยครับ https://bit.ly/2mcOaar
.
ผมเห็นช่วงนี้ 28 Chidlomเขามีจัด promotion ห้องที่ราคาดีๆออกมา ซึ่งห้องเหล่านี้เป็นห้องที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปดูห้องจริงมา ก็เลยอยากจะมาช่วยเพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจจะซื้อว่า ถ้าเราซื้อห้องพวกนี้มาแล้ว เราควรจะใช้แนวทางตกแต่ง interior อย่างไร เพื่อที่จะได้ใช้ประสิทธิภาพในห้องได้อย่างสูงสุด ผมว่าห้องทุกห้องนั้นมันจะมีจุดแข็ง,จุดด้อยไม่เหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าเราลงทุน เราลงทุนด้วยสมองครับ เราสามารถที่จะใช้การตกแต่งภายในมาช่วยปรับจุดต่างๆในห้องจากที่เคยเป็นตำหนิ ทำให้กลายเป็นจุดเด่น หรือจากที่เป็นจุดเด่นก็ทำให้กลายเป็น hilight สุดๆของห้องได้เลย (ทั้งหมดก็มาจากประสบการณ์ที่ผมตกแต่งห้องมาเยอะนะครับ จะเอาไอเดียมาแชร์ให้เพื่อนๆฟังครับ)
มาเริ่มกันที่ห้องในตึก Tower ซึ่งเป็นตึกสูงในโครงการ ถ้าเห็นจาก lobby จะเห็นใช้ถึงการใช้วัสดุหินอ่อนสีดำ สีเขียว มีความเข้ม มีความเป็นผู้ชายอยู่เยอะ ดูหล่อ ดูเท่ห์แบบสุดๆครับ ดังนั้นในการตกแต่งเราก็แอบอ้างอิงความรู้สึกแมนๆ ของตัวตึกมาใช้กับห้องเราด้วยนะครับ
ห้องแบบสองห้องนอน 75 ตร.ม.(T2A-1)

เริ่มต้นกันที่สองห้องนอน (โครงการแถวๆชิดลม หลังสวน คนหาสองห้องนอนกันเยอะนะครับ เพราะเป็น location แนวครอบครัวอยู่อาศัย) ห้องนี้มีขนาด 75 ตารางเมตร เป็นห้องหัวมุมที่ไม่ติดกับห้องอื่นเลย (เจ๋งมากกก) เป็นห้องที่ balance ระหว่าง Function Storage (การเก็บของ) กับฟังก์ชันอยู่อาศัยได้ค่อนข้างดี เวลาเราเข้ามาจะเจอกับโถงทางเดินนิดหน่อย แต่ทางโครงการก็ชดเชยด้วยการบิ้วตู้ให้สุดผนังถึงสุดผนังทำให้เรามีที่เก็บของที่เยอะมาก เวลาอยู่คอนโดผมว่าที่เก็บของที่เยอะเป็นสิ่งจำเป็นนะครับ เพราะถ้าที่เก็บของไม่พอห้องเราจะเละมาก ตรงนี้โครงการเค้าตีโจทย์ได้ดีนะครับ เพราะว่าแทบจะทุกผนังในห้องจะบิ้วตู้แถมมาให้
.
Layout รวมๆของห้องนี้ผมว่ากว้างดี ได้ living ที่ใหญ่ (เข้ามุม กระจกสองฝั่ง), ครัวใหญ่ๆทำอาหารได้จริงจัง, bedroom ต่างๆก็พอเพียงครับวาง King size หรือ Queen size ได้สบายๆครับ ผมอยากจะนำเสนอ ไอเดียการตกแต่งในส่วนของ living room เป็นหลัก เพราะ living room ที่ห้องนี้ มีความน่าสนใจคือ มีหน้าต่างเข้ามุมสองฝั่ง ฝั่งนึงอยู่ที่หลัง sofa เป็นกระจกขนาดใหญ่ ทำให้เราได้วิวเปิดเพิ่มภายในห้อง มาดู idea การตกแต่งกันเลยครับ
.
จุดเด่นสุดของห้องนี้ก็คือห้อง Living ที่จะมีกระจกบานใหญ่เข้ามุมแบบ double view ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ดีนะครับ มันช่วยทำให้แสงเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนี้รู้สึกเปิดกว้าง เวลาเรานั่งอยู่ใน living เดินไปเดินมากินข้าวทำครัวเราก็จะได้เห็นวิวที่กว้างมาก

แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่กระจกบานใหญ่ก็จะนำมาซึ่งแสงที่เยอะกับความร้อนที่อาจจะเยอะหน่อยครับ ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากจะแนะนำเกี่ยวกับการตกแต่งห้องนี้ก็ได้แก่
1. ตู้ทีวีแบบหน้าบานกระจกเงา – เราควรจะ Built in ตู้ทีวีติดกับผนังและเลือกใช้หน้าบานกระจกเงาทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของทีวี และด้านบนตู้ลอยที่เป็นตู้แขวนก็ควรจะเป็นตู้กระจกเงาด้วยครับ เพราะว่ากระจกเงามันจะช่วยสะท้อนวิวจากข้างนอกให้เข้ามาอยู่ข้างในห้อง เวลาเรานั่งเล่นที่โซฟามองไปที่ TV ถึงแม้จะไม่ได้เปิด TV เราก็ได้ดูวิวไปด้วย เป็นการทำเฟอร์นิเจอร์เพื่อช่วยส่งเสริมมูลค่าของห้องอย่างแท้จริงครับ
ทำตู้ TV เป็นหน้าบานกระจก จะได้สะท้อนวิว อันนี้ไม่มีกระจกเงาหลัง TV
2. ในส่วนของกระจกบานใหญ่นั้น ผมแนะนำให้ติดฟิล์มกัน UV ช่วยกรองแสงและช่วยลดความร้อน ต้องยอมรับตามตรงว่าเดี๋ยวนี้ฟิล์มมีประสิทธิภาพสูงมากนะครับ ไปลองเดินดูตามโฮมโปร ได้ติดฟิล์มแล้วความร้อนจากแสงแดดที่เข้ามาก็จะลดลงอย่างมาก ผมว่าห้องนี้ถ้าเราปิดม่านอย่างเดียวมันดูแล้วมันเสียมูลค่าของห้องครับ ควรจะเปิดม่านให้เห็นวิวแต่ใช้ฟิล์มในการลดแสง ลดความร้อนจะดีกว่า (อุตส่าห์ได้กระจกบานใหญ่มาต้องใช้ให้คุ้มครับ หิหิหิ)
3. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดที่พอเหมาะ เฟอร์นิเจอร์ในห้อง living กับ dining ที่อยู่ต่อกันนั้นไม่ควรจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ oversize เกินไปเพราะว่าเราต้องเดินไปเดินมา ระหว่างกินข้าวกับ living เราต้องรักษาความเชื่อมต่อกันไว้ ถ้าเราเลือกโต๊ะกลางที่เล็กหน่อยและมีลักษณะโค้งมน บวกกับ เราเลือกโต๊ะกินข้าวแบบกลมที่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 100-110cm ก็น่าจะเป็นไซส์ที่เพียงพอกับห้องนี้ทำให้เวลาเดินไปเดินมาแล้วรู้สึกโล่ง circulationในห้องจะดียิ่งขึ้นครับ

4. Built เพิ่มตู้ เพิ่มโต๊ะทำงาน จริงๆแล้วทางโครงการได้บิลตู้มาให้เราค่อนข้างเยอะแล้วนะครับ ตั้งแต่ทางเดินเข้ามาในห้องก็มีตู้มาให้ตลอดทาง แต่สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำเพิ่ม ถ้าเราอยู่คอนโดจริงๆเราก็สามารถจะมีบิลที่เก็บของเพิ่มได้อีกไม่ว่าจะเป็นช่องตรงกลางระหว่างตู้รองเท้ากับครัวที่โครงการเว้นมา (ผมแนะนำทำเป็นหน้าบานกระจกเงาก็จะดูสวย) หรือจะเป็นฝั่งผนังที่ติดกับระเบียง ตรงนั้นโครงการเขาก็เว้าเป็นช่องให้สามารถจะบิ้วได้ทั้งตู้เก็บของหรือจะบิ้วเป็นโซนโต๊ะทำงานก็ได้ แต่ถ้าเป็นโต๊ะทำงานเราก็ติดแสงสว่างให้เยอะหน่อยติดกระจกด้านหลังก็ดีจะทำให้ดูกว้างดีครับ

5. ในส่วนของห้องนอนใหญ่ สามารถเพิ่มตู้ตรงหลืบเสาที่อยู่ข้างเตียงได้ ผมแนะนำว่าทำเป็นหน้าบานเลื่อน เวลาเปิดปิดจะได้ไม่มาเกะกะกับเตียงเราครับ

อีกเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคอนโดในเมืองก็คือ บางห้องอาจจะมีระยะเว้นจากตึกข้างๆมาไม่เยอะมากนัก อย่างเช่น ในห้องนอนเล็กของห้อง type นี้ ก็ไม่ห่างจากตึกข้างๆเท่าไหร่ ทำให้การตกแต่งภายในจะต้องพยายามหาทางสร้าง privacy ให้กับคนในห้องนอนด้วยครับ ซึ่งวิธีการสร้างความเป็นส่วนตัว ให้คนข้างนอนมองมาไม่เห็นห้องเรานั้น ผมมี trick เล็กๆน้อยๆจะมาฝากก็ได้แก่
1. ตึก film แบบที่ทำให้ข้างนอกมองเข้ามาข้างในไม่ได้ อันนี้เป็น film ที่จะเคลือบ ปรอทหน่อยๆ คนจากนอกตึกมองเข้ามาจะเห็นเป็นกึ่งๆกระจกเงา แต่ว่าจากในห้องเรามองออกไป ก็ยังจะเห็น วิว มีแสงเข้ามาได้อยู่ ผมว่าอันนี้มันดีตรงที่ยังคงรักษาความโล่งของกระจกให้เราได้ และแถมยังช่วยลดความร้อน ลด UV ที่เข้ามาในห้องเราอีกด้วยครับ

2. ติด มู่ลี่ ซ่อนกับม่านทึบ ผมเริ่มจะเห็นหลายๆที่ก็เริ่มทำกันนะครับ เพราะเวลาเราอยากได้แสงเราก็เปิดม่านออกครับ แต่มูลี่ยังคงอยู่ ซึ่งมูลี่ก็จะช่วยบังสายตาอยู่ทำให้คนจากข้างนอกมองเข้ามาไม่เห็นเรา

3. วางฉากกั้น หรือ วางเฟอร์นิเจอร์ไว้ที่หน้าต่างไปเลย ในเมื่อวิวจากโดนบัง หรือใกล้กับตึกข้างๆมากนัก เราก็หาอะไรมาวางที่หน้าต่างเลยครับ ได้ทั้ง function การใช้งาน เช่น โต๊ะแต่งหน้าเล็กๆ เราก็ได้แสงธรรมชาติเอาไว้แต่งหน้าไปด้วย แถมเฟอร์นิเจอร์ หรือฉากกั้น ก็ยังช่วยบังสายตาจากตึกข้างๆด้วยครับ
หนึ่งนอน jewel แบบ 43 ตารางเมตร

ผมคิดว่า layout แบบ 1 ห้องนอน type นี้อยู่สบายๆสุดนะครับ มีผนังกั้นแบ่งสัดส่วนระหว่าง living กับ bedroom เป็นอย่างดี ส่วนที่เป็นจุดขายที่สุดของโครงการเรื่องหนึ่งก็คือส่วนของ Jewel box ที่มีการออกแบบให้ห้องเรายืดออกไปนอกตัวตึกนิดหน่อย ช่วยเปิดมุมทำให้ในโซน living เราไม่ใช่ได้แค่กระจกเต็มบานอย่างเดียว แต่จะเป็นกระจกที่เต็มบานและเข้ามุม มันทำให้แสงเข้าห้องเราได้มากขึ้นและเพิ่มมิติห้องเราได้ดียิ่งขึ้นเหมือนห้องเรายื่นเข้าไปบนอากาศเลยครับ ในส่วนนี้ในการที่จะออกแบบตกแต่งภายในให้สวย เราก็ต้องมาคิดฟังก์ชันกันว่ามุมตรงที่เป็น jewel box เราน่าจะทำอะไรได้บ้างนะครับ
แต่ด้วยความที่ห้องมันมีลักษณะยื่นออกไปก็จะทำให้ในส่วนของห้อง living เรามีความลึกที่มากกว่าปกติดังนั้นเวลาตกแต่งเราก็ต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย เราลองดูไอเดียในการตกแต่งห้องกันดีกว่าครับ
1. ตู้ TV ในห้อง living ควรจะทำเป็นลักษณะตู้สูงมาต่อกับตู้เตี้ย (ตามรูป ลักษณะตัว L หรือ ตัว C) เพื่อจะช่วยดันให้ TV มาอยู่ center ของตู้ เวลานั่งดูจากบนโซฟาจะได้รู้สึกสบายตามากยิ่งขึ้น (ไม่ต้องเอียงคอ หันไม่มอง TV ที่ตั้งอยู่ไม่ตรงกับโซฟาเรา) แถมยังได้ที่เก็บของเพิ่มจากตู้สูง และตู้แขวนเพิ่มด้วย … ที่เก็บของสำคัญมากๆนะครับ อย่าลืม

2. การใช้งาน Jewel box สามารถตกแต่งได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น
ไอเดีย 1# จัดโซนนั่งอ่านหนังสือ วางอาร์มแชร์ดีๆสักตัวเข้ามุมไปหน่อย มีโคมไฟตั้งพื้นสวยๆสักอันหนึ่งวาง ก็จะทำให้มุมนี้กลายเป็นมุมโปรดของคนที่อยู่อาศัยได้ไม่ยากครับ เพราะนั่งไปมองวิวไปแล้วแถมยังได้แสงธรรมชาติส่องกลับเข้ามา
วาง arm chair ไว้นั่งเล่น ห้องจริง
ไอเดีย 2# จะวางเป็นโต๊ะทานข้าว / โต๊ะทำงานก็ยังได้ แต่ผมแนะนำให้ใช้โต๊ะที่มีลักษณะเป็นหน้า top กระจกใสนะครับ เพราะมันจะรักษาความโล่งห้องไว้ได้ ในขณะเดียวกันเราก็ได้มุมทำงานที่มองออกไปที่วิว ดูแล้วสวยงาม สบายใจ สบายตา
วางโต๊ะทำงาน/กินข้าว ห้องจริง
ไอเดีย 3# ปล่อยมันโล่งๆไปเลยครับ (เอากันง่ายๆเลย หิหิหิ) ถ้าเราวางโซฟาตัว I ติดผนังแล้วแล้วก็ปล่อยให้กระจกบานใหญ่ของ Jewel box มันทำงาน ให้วิวมันดูดเราเข้าไปแค่นี้ก็คุ้มค่าแล้วครับ เพราะทุกๆครั้งที่เดินมาในห้อง ก็จะได้เห็นวิวเต็มตาแบบสุดๆ
note: ไม่ว่าจะวิธีไหนผมแนะนำให้ติด film กันความร้อนกับ UV ที่หน้าต่าง Jewel box นะครับ จะได้เปิดม่านทิ้งเอาไว้ได้ตลอดทั้งวัน
ปล่อยโล่งๆเลย เอาไว้ดูวิว ห้องจริง
3. โต๊ะกินข้าวนั้นสามารถทำได้หลายแบบ
3.1โต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัส 80 * 80 cm หันหน้าเข้าหากันเวลากินข้าว (เก้าอี้กินข้าว 2 ตัว) หรืออีกวิธีที่ผมใช้ไปบ่อยครั้งคือการทำโต๊ะกินข้าวเป็นโต๊ะกลม (80cm) ฝั่งนึงนั่งด้วยเก้าอี้แต่อีกฝั่งนึงนั่งอยู่บนปลายโซฟา อันนี้ก็จะเป็นการทำให้เราประหยัดเก้าอี้ไปตัวนึงและแถมยังได้โซฟาที่มีลักษณะยาวขึ้นด้วย (นั่งกินข้าวบน sofa ก็สบายไปอีกแบบนะครับ)
3.2 ทำเป็นโต๊ะแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันทิศไปทางครัวและนั่ง 2 คนคู่กัน วิธีนี้ก็จะทำให้เราได้พื้นที่โซน living เพิ่มจะสามารถทำโซฟาให้ยาวขึ้นได้อีก
ก็ต้องลองเอาไปพิจารณาดูครับว่าจะตกแต่งด้วยวิธีไหน แต่ที่แน่ๆคือผนังที่อยู่ติดกับโต๊ะกินข้าวนั้นผมแนะนำว่าเรากรุกระจกเงาหรือกระจกเงาทองก็จะทำให้ห้องดูกว้างดูสว่างขึ้นครับ และอย่าลืมแขวนโคมไฟด้วยห้องจะดูมีมิติครับ
4. ติดกระจกด้านหลัง Sofa ส่วนที่ติดหน้าต่าง ด้วยความที่ jewel box นั้นมีลักษณะเป็นกระจกบานใหญ่และมีมุมกระจกด้านข้าง ดังนั้นผมแนะนำให้ติดกระจกเงาเพิ่มเติมหลังที่โซฟาครับ เพราะมันจะทำให้เวลาเราเดินเข้ามาในห้องมองไปที่ jewelry box แล้วจะเหมือนว่าเราได้ jewel box แบบ 180°คือเห็นวิวเต็มๆเลยจะทำให้ห้องดูสวยขึ้นดูกว้างยิ่งขึ้นครับ
5. ม่าน ไม่ต้องยึดติดกับฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ด้วยความที่ลูกเล่นของ jewel box นั้นเป็นกระจกบานเต็ม ผมแนะนำเวลาเราทำม่านเราไม่ต้องให้ม่านยึดติดกับฝั่งใดฝั่งหนึ่งครับ ปล่อยให้ม่านมันเลื่อนเก็บที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็ได้ สมมุติว่าเราอยากจะใช้ zone living เต็มๆเราก็ดันม่านทั้งหมดมาเก็บตรงประตูระเบียง ก็จะทำให้เราได้เห็นวิวในมุมที่เต็มขึ้น หรือถ้าเราอยากจะใช้ประตูระเบียงแล้วก็แค่เลื่อนม่านทั้งหมดย้อนกลับไปฝั่งหลังโซฟา ก็จะใช้งานระเบียงสะดวกมากขึ้นครับ
6. ห้องนอนผมคิดว่า layout มัน perfect อยู่แล้ว เราสามารถที่จะวางเตียง king size ได้ส่วนพื้นที่ปลายเตียงก็เหลือเฟือครับเราสามารถ Built in ตู้ทีวีหรือตู้เก็บของได้ยังมีระยะเดินที่สบายมากครับจัดว่าเป็นห้องนอนที่กว้างๆ อยู่สบายจริงครับ
สองห้องที่ผ่านมาก็เป็นห้องที่อยู่ตึก Tower นะครับ ทีนี้สลับมาดูที่ตึก Villa กันบ้าง ว่าควรจะแต่งห้องยังไง ต้องเกริ่นก่อนนะครับว่า concept ของตึก Villa เนี่ยจะออกมาแบบโทนสว่างๆ มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้นกว่า (ตึก Tower ค่อนข้างแมนมากทีเดียว) ดังนั้นในการตกแต่งเราก็ควรที่จะล้อ theme ไปกับ theme ของตึกด้วยครับ เช่นเลือกสีที่สว่าง ใช้เฟอร์นิเจอร์ผ้าที่ดูสบายตา มีการเล่นพวกลวดลายดอกไม้อะไรบ้าง ให้ออกหวานๆหน่อยครับ หิหิหิ มาดูรายละเอียดของห้องกันเลยดีกว่าครับ
ห้องหนึ่งนอน 53.66 ตร.ม. (V1D)

จากที่ผมไปดูมาห้อง type นี้นั้นลักษณะโดดเด่น ด้วยความเป็นห้องหัวมุม มีหน้าต่างระเบียงบานใหญ่ และมีช่องกระจกเพิ่มเติมด้านข้างของห้อง จุดต่างของห้องนี้จากห้องอื่นก็คือ ตัวห้องมีพื้นที่เก็บของค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่โถงทางเข้าห้องที่เดินเข้ามาจะมีที่เก็บรองเท้า ที่เก็บอุปกรณ์ต่างๆ ที่เก็บเครื่องซักผ้า ผมว่าตรงนี้เป็นส่วนดีนะครับเพราะเวลาเราอยู่คอนโด ยิ่งมีที่เก็บของเยอะ ตัวห้องจะได้ไม่รก เก็บไว้ตรงที่โถงทางเดินนี่แหละดีครับ ภายในห้องส่วน living ส่วนห้องนอนจะได้ดูเรียบร้อย
ส่วนในห้อง living นั้นเราก็จะได้ระเบียงหน้าต่างที่หันไปทางสวนของโรงแรมปาร์คนายเลิศ แถมยังได้ช่องกระจกบานใหญ่ด้านข้างที่ติดกับโต๊ะกินข้าว ผมว่าห้องนี้เป็นห้องที่ให้ความรู้สึกโปร่งสบายครับ เพราะได้แสงจากทั้งสองฝั่งเข้ามาใน living room การแต่งก็ไม่ได้มีอะไรยาก ถ้าให้ผมแนะนำก็คือในห้องนอนกับห้องนั่งเล่นไม่ต้องใส่ตู้อะไรเยอะแยะมากมายครับ ปล่อยให้ห้องมันโล่งๆ กว้างๆ ทำเป็นที่นั่งกินข้าวใหญ่ ที่นั่งโซฟายาวๆ ตู้ทีวีก็เก็บของพอประมาณพอ แล้วเราปล่อย function รกๆ function เก็บของทั้งหมดไปไว้ตรงโถงทางเดินจะดีที่สุดครับ
ส่วนของกระจกบานใหญ่ด้านข้างนั้นวิวอาจจะไม่ได้โล่งมาก เพราะจะมองเห็นตึกสำนักงานด้านข้าง แต่ผมว่าถ้าเราวางโต๊ะกินข้าว ติดฟิลม์ที่กระจก ติดม่านที่กระจก เท่านั้น privacy ในห้องเราก็มาครบแล้ว ผมกลับมองว่าการมีกระจกตรงนี้ทำให้เวลานั่งกินข้าวแล้วสนุก ดูไม่น่าเบื่อ ได้แสงธรรมชาติ เวลากินข้าวแล้วรู้สึกสดชื่นดีกว่า
ในส่วนของห้องนอน ห้องนี้จะได้ walk in closet ภายในห้องนอนด้วย ซึ่งก็เก็บของได้จริงจังมากๆครับ ถ้าผมจะแนะนำเรื่องการตกแต่งก็คงจะเน้นเรื่องของการติดกระจกเงาครับอย่างเช่น walk in closet ก็ควรจะติดกระจกเงาก็จะทำให้ดูกว้างขึ้น และดูสว่าง ดูโล่งดีน่าใช้งาน

ส่วนด้านข้างของเตียงสามารถติดกระจกเงาได้ เพราะถ้าเราติดกระจกตำแหน่งนี้มันก็จะอยู่ตรงข้ามกับหน้าต่างบานใหญ่ที่โครงการให้มา จะช่วยสะท้อนวิว ทำให้เหมือนว่าในห้องนอนเรามีหน้าต่างอยู่ 2 ด้านทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง
ก็ประมาณนี้นะครับ ผมว่าบทความนี้เป็นบทความที่ผมตั้งใจเขียนออกมา เพื่อสาธิตไอเดียในการทำงาน ว่าห้องเดียวกัน เราก็สามารถเพิ่ม function เพิ่มมูลค่ากับห้องให้สูงขึ้นได้ด้วยการตกแต่งห้องนะครับ โครงการ 28 Chidlom เป็นหนึ่งในโครงการที่สวยที่สุดใน กทม. ถ้าเรามาแต่งห้องที่นี่ ก็ควรที่จะใส่ไอเดียเพิ่มเติมเข้าไปเยอะๆนะครับ มูลค่าของภายในห้องเราจะได้เพิ่มขึ้นด้วย ให้มันสมกับการเป็นหนึ่งใน Luxury collection ของทาง SC Asset เค้านะครับ ใครสนโครงการ ก็ลองเข้าไปดูส่วนกลางจริง ห้องจริงได้เลยนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวัง (ห้องที่ผมอธิบายในบทความนี้ มีห้องตัวอย่างจริงๆ วิวจริง ให้เพื่อนๆได้เข้าไปดูด้วยครับ) หรือว่าใครมีห้องที่นี่แล้วอยากให้ผมช่วยแนะนำว่าควรจะตกแต่งอย่างไรดี ก็ทักมาคุยกันได้ครับ ยินดีๆ ๆ ๆ เพราะชอบ 28 Chidlom อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ 555 ถ้าผมได้เข้าไปแต่งที่นี่คงจะ fin หน้าดู 555
สำหรับใครที่สนใจ 2ห้องนอน ของโครงการ 28Chidlom ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่นพิเศษ 2 Bedroom Double view 75 ตรม. ห้อง Fully-fitted ในราคา One price 22.9 MB. (ห้อง type เดียวกับที่ผมแนะนำเรื่องตกแต่งนี่หล่ะ หิหิหิ) ต้องบอกว่าคุ้มมากตามยังไงลองเข้าไปดูโครงการจริงกันก่อนก็ได้ครับ
Luxurycondo.scasset.com/en/28chidlom