รีวิว :: OKA HAUS คอนโดที่พักผ่อนกลางใจเมือง 5 นาทีถึง BTS ทองหล่อ

ทำเล

โครงการ OKA HAUS ตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 ช่วงเลยอาคารมาลีนนท์มานิดนึง อยู่ใกล้กับซอยสุขุมวิท 36 ที่สามารถเชื่อมออกไปยัง BTS ทองหล่อได้ จัดว่าโครงการนี้มี location ไม่ได้ prime มากแบบอยู่บนสุขุมวิท หรือติดรถไฟฟ้า แต่ก็เป็นทำเลที่ไม่ขี้เหร่ เพราะจะขับรถขึ้นทางด่วนก็ง่าย จะขับรถเข้าเมืองไปห้างก็ง่ายมีห้างมี open mall สวนเพลิน market, Lotus พระราม4, Big C, Kvillage ใกล้ร้านค้า ร้านอาหารดีๆมากมายอย่างนี้อยู่สบาย แถวแหล่งทำงาน office ใกล้ๆก็มีเยอะมากๆ
แต่เรื่องการเดินทางไปรถไฟฟ้าก็คงจะต้องอาศัยพี่วินมอร์ไซ หรือ รถบริการของทางโครงการ ไปที่รถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ถ้าเทียบกับโครงการกลางๆซอยที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 36 ผมก็ว่าที่ OKA HAUS ก็มีทำเลที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แถมเอาเข้าจริงแล้วการขับรถ OKA HAUS ดูจะได้เปรียบเพราะติดถนนใหญ่รถติดน้อยกว่า ไปไหนก็ไปได้ทุกทาง
เอาว่าโดยรวมๆ ทำเลอยู่สบาย กินง่าย อยู่ได้จริง ไม่แห้งแล้ง เดินทางสะดวกครับ
 

เกี่ยวกับโครงการ

ตัว OKA HAUS เป็นตึก high rise สูง 47 ชั้น ทั้งโครงการมี 1,178 ห้อง ถือว่าเป็นโครงการใหญ่เหมือนกันนะครับ ถึงแม้โครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่พระรามสี่แต่ที่ดินโครงการจะเป็นทางเข้าลึกเข้าไป 130 เมตรแล้วค่อยบานออกเป็นตัวตึกนะครับ (แสนสิริอาจจะมี phase 2 เป็นที่ดินอยู่ด้านหน้า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำเป็นอะไรครับ) ตึกนั้นเพรียบพร้อมไปด้วย facility ที่ครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น มีสวนสวย+สนามเด็กเล่น (Play space) ที่ design สวยงาม และมี function ดี, สระว่ายน้ำพร้อมกับธาราบำบัด และการนวดด้วยน้ำ ที่ชั้น 8, มี Sky Lougne อยู่บนชั้น 47 ให้ลูกบ้านได้ relax พร้อมกับดื่มด่ำกับวิวอันสวยงาม , มี co working space+co kitchen เรียกได้ว่า ให้ส่วนกลางครบสวยงามแน่นอนครับ Lobby สูง 5 เมตร (double volume) สวยงาม ตกแต่งด้วยหินอ่อน โอ้ยถ้าพูดไป ผมว่าโครงการนี้แสนสิริให้มาครบครับ
นอกจากจะให้ basic ของคอนโดที่ดีมาแล้ว แสนสิริยังรักษามาตรฐานผู้นำด้านเทคโนโลยี และ design ที่คิดทุกอย่างมาเพื่อลูกบ้านเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น
  1. ระบบเข้าออก lobby โดยใช้มือถือ (ประมาณว่าเจ้าของห้องส่ง QR code ให้กับเพื่อนที่จะมาเยี่ยม และก็ใช้ QR code นั้นเข้ามาที่ lobby ได้ >> safety และ hiso สุดๆ)
  2. ระบบ smart home ส่ังงาน Alexa Amazon สั่งเปิดปิดไฟ แอร์ ทุกอย่างในห้องด้วยเสียง และผ่านมือถือผ่าน internet
  3. ระบบ Digital Door Lock จาก igloo home ที่จะทำให้ลูกบ้านสามารถ ตั้งรหัสเข้าห้องได้ และส่งรหัสชั่วคราวให้กับเพื่อนเราเพื่อมาเข้าในห้องได้ (จริงๆระบบนี้คล้ายกับที่เอาไว้บริหาร AirBnB เลยนะครับ)
  4. Air Ventilation ระบบ flow อากาศที่จะดึงออกอากาศเข้าในห้อง แล้วลม flow  ผ่าน grill หน้าประตู ทำให้อากาศในห้องปลอดโปร่ง โล่งสบาย ( อันนี้คล้ายๆของ Land and House เลย)
  5. สนามเด็กเล่น (Play Space) หน้าคอนโดที่ออกแบบโดยทีมแพทย์ ที่ focus เรื่องการสร้างเสริมพัฒนาการ
  6. ใน Co-Kitchen บนชั้น 47 มี Farmshelf นวัตกรรมฟาร์มindoorอัจฉริยะ ให้คุณปลูกผักได้ตามใจ สามารถควบคุมการเจริญเติบโต ผ่าน application
  7. การ booking facility ต่างๆผ่าน App เพื่อความสะดวกของลูกค้าไม่ต้องมาแย่งกัน
เอารวมๆ ผมดูแล้วรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ในรายละเอียดของคอนโด OKA HAUS มากๆเลย ไม่ใช่ทุก developer จะทำได้แบบนี้นะครับ คือแสนสิริไม่ได้ให้แต่คอนโดที่สวยงามแต่เพียงรูปลักษณ์แต่ยังคิดถึง function คิดถึงผู้ใช้งานเป็นที่ตั้งด้วย แค่นี้ก็ชนะใจบางคนไปแล้ว 555
 

// รายละเอียดของห้อง \\

จากที่คุยกับเซลล์มา จะสังเกตุถึงจุดเด่นของโครงการนี้อย่างหนึ่ง คือการ layout ห้องจะมีหลายแบบมากๆ โดยแต่ละแบบน่าจะออกมาให้ตรงกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนอยู่จริง เช่น
  • 1 นอนแบบเล็ก 26 ตร.ม. ก็เป็นห้องแบบกั้นกลาง อยู่ได้จริง แบ่งเป็นสัดส่วน
  • 1 นอน 34.5 ตร.ม. แบบครัวปิด
  • 1 นอน 34.5 ตร.ม. แบบมีอ่างอาบน้ำ
  • 1 นอน 34.5 ตร.ม. แบบมี bay window
  • 2 นอน 1 น้ำ 41 ตร.ม.
  • 2 นอน 2 น้ำ 49.5 ตร.ม.
  • 3 นอน 2 น้ำ 86 ตร.ม.
จะเห็นว่ามีห้องที่ตอบหลายๆโจทย์ในการอยู่อาศัยจริงจังนะครับ แล้วแต่ need ของคนอยู่เลย อยากได้แบบไหน ก็เอาแบบนั้นเลย เช่น ชอบทำครัวก็เลือกครัวปิด, ชอบห้อง living ใหญ่ก็เลือกแบบ bay window, ชอบอาบน้ำ หรืออยากให้คนญี่ปุ่นมาเช่าก็เลือก แบบมีอ่างอาบน้ำ (โดยปกติผมอาจจะดูแต่โครงการอื่นๆที่เค้าทำเพื่อนักลงทุน ซึ่งนักลงทุนบางทีไม่ค่อยจะมาลงรายละเอียดของ layout ห้องที่แตกต่างกันมากมายนัก) แต่อันนี้แสนสิริเค้าคิดมาเยอะจริงๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ครบ
ส่วนภายในห้อง นอกจากระบบ automation ต่างๆที่เป็น smarthome แล้วก็ยังมีการให้ลูกค้าเลือกสี ครัวและพื้นไม้ แบบสีเข้ม Esspresso, สีอ่อน Latte ให้ลูกค้าได้เลือกได้เลย (แต่ถ้าไม่เลือกจะได้สีอ่อนนะครับ) ส่วนวัสดุภายในก็จะเป็น แอร์ฝังฝ่า (hiso) เพดานสูง 2.70 เมตร (ถือว่าใช้ได้) โถส้วมแบบล้างก้นแบบญี่ปุ่น โดยรวมๆของที่ให้มาถือว่าดีครับ น่าสนใจ ใส่ใจรายละเอียด
 

// ห้องที่แนะนำเป็นการส่วนตัว \\

จากที่ผมวิเคราะห์ดู ผมมองว่าห้องที่สวยน่าจะเป็นห้องที่หันไปทางใต้ อยู่ชั้นสูงซักประมาณ 25++ เพราะว่าคุณจะได้รับวิวบางกระเจ้า วิวแม่น้ำและพื้นที่สีเขียว ผมว่าวิวนี้โดดเด่นมากครับ (ผมเห็นมาแล้วจากที่ Park24 สวยจริงๆ) และห้องที่ควรจะเลือกที่โดดเด่นก็จะเป็นห้อง bay window เพราะเป็นห้องแบบ living ใหญ่อยู่สบาย และที่สำคัญมีกระจกบานใหญ่ไว้เปิดรับมุมกว้าง 180 องศาในการมองไปยังวิว ผมชอบมากๆ มันเปิดให้ห้องดูโปร่ง ดูกว้างกว่าที่อื่นๆ เพราะเป็นกระจก full height บานใหญ่  ห้องแบบนี้ rare item มากๆ ชั้นนึงมีไม่มีห้องครับ แต่ด้วยความ premium ของห้อง ก็จะมาพร้อมกับราคาที่นะสูงขึ้นกว่าห้องปกติ จากที่ผม check มาห้อง bay window จะบวกขึ้นจากห้องธรรมดาที่ขนาดเดียวกันประมาณ 200,000 บาท ซึ่งสำหรับผม ถ้าคุณจะซื้อโครงการเก็บ ต้องซื้อห้องที่โดดเด่น เวลาขายต่อ หรือ เวลาปล่อยเช่า ห้องเราจะมีเสห่น์กว่าห้องคนอื่น ก็น่าจะขายง่าย ปล่อยเช่าง่ายกว่าคนอื่นครับ

// แนวทางการลงทุน \\

ผมว่าแสนสิริ ทำโครงการใหญ่ก็จริง แต่เค้าก็ยังลงรายละเอียดได้อย่างดี คนซื้ออยู่อาศัยน่าจะมีความสุขทำ สุขกายจาก facility ห้อง ต่างๆที่ OKA HAUS ให้ สุขใจด้วยความภาคภูมิใจที่ได้อยู่อาศัยในแบรนด์แสนสิริ และได้อยู่ในสภาพแวดล้อมสีสวยงาม ดั่งโรงแรมห้าดาวที่ออกแบบสวยงาม สำหรับเรื่องราคาเฉลี่ยของโครงการจากการถามเซลล์มาก็คืออยู่ที่ 150,000-160,000 บาทต่อตารางเมตร ผมว่าสมัยนี้ราคาคอนโดกลางเมืองราคาประมาณนี้หาได้ยากนะครับ ด้วยแบรนด์แสนสิริ ชื่อนี้มันใจได้ว่าตึกจะถูกดูแลดี มี after sale service ที่ดี มีทีมบริหารของ Plus ที่จะบริหารจัดการให้ asset นี้รักษามูลค่าของมันไปได้ในระยะยาว ส่วนมุมมองการลงทุนผมขอแบ่งการวิเคราะห์ออกมาดังนี้
** เล่นสั้น เก็งกำไร
    ส่วนตัวผมว่า ตอนนี้ทุกโครงการการเล่นสั้นยากไปหมดครับ แต่ถ้าคุณอยากจะเล่นจริงๆอาจจะต้องเลือกห้องที่ ถูกสุดๆ (ใช้ราคาเป็นจุดเด่นแบบห้อง promotion) อาจจะทำให้พอขายได้ หรือไม่ก็เลือกห้องที่ดีมากๆเช่น ห้อง bay window ช้ันสูงๆ วิวแม่น้ำสวยๆ ในตึกมีแค่ไม่กี่ห้องที่มาเป็นคู่แข่งเราได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าจะเล่นสั้น ก็ต้องมีเงินพร้อมโอนด้วยนะครับ ไม่งั้น ไม่แนะนำจริงๆ
** ถือปล่อยเช่า
    Zone สุขุมวิท 36 เป็นโซนที่มีค่าเช่าปรับตัวขึ้นตลาดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่น นิยมเข้ามาอยู่ในย่านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ (อาจจะกระเถิบออกมาจากในซอยทองหล่อที่ค่าเช่ามีแต่แพงขึ้นทุกวันๆ) ดังนั้น ผมว่าถ้า OKA HAUS มี facility ที่ใหญ่มากๆ สวยมากๆ โดดเด่นมากเทียบกับตัวตึกคอนโดเก่าใน ซอยสุขุมวิท 36 OKA HAUS ก็น่าที่จะดึงเอาผู้เช่าในซอยน้ันออกมาอยู่ที่ OKA HAUS ได้ไม่ยาก (ค่าเช่าเฉลี่ยน่าจะอยู่ประมาณ 800 บาท ต่อตร.ม. ซึ่งก็หมายความว่า คนปล่อยเช่าน่าจะสามารถทำ yield ได้ประมาณ 5-6% ได้นะครับ ถ้าคุณมองจะลงทุนปล่อยเช่า ผมก็แนะนำว่า ซื้อตัวห้อง 1 bed ที่มีอ่างอาบน้ำ จะได้ตอบโจทย์ผู้เช่าชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
และอีกอย่างผมค่อนข้างเชื่อว่าแสนสิริจะดึงให้ที่ OKA เป็นที่ๆต่างชาติอยากจะเข้ามาเข้าพักได้ ด้วยช่องทางของ Plus เองหรือ จะดูจากประสบการณ์ที่แสนสิริ พัฒนา T77 จากพื้นที่โล่งว่า จนวันนี้กลายเป็นแหล่งที่ต่างชาติชอบและอยากจะเข้ามาพักมากๆโซนหนึ่ง
** อยู่อาศัยเอง
    สำหรับคนที่ทำงานในละแวกพระรามสี่ หรือมีลูกเรียนมหาลัย หรือโรงเรียนแถวนั้น ผมว่าตัว OKA HAUS ซื้อได้สบายๆครับ เพราะราคายังไม่สูงมาก เทียบกับว่าคุณไปซื้อคอนโดในสุขุมวิท ตอนนี้แต่ละตัวที่เปิดใหม่ๆราคาเริ่มวิ่งไปแตะที่ 200,000 บาทต่อ ตร.ม.กันหมดแล้ว OKA HAUS ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจตัวหนึ่ง ประกอบกับว่าคุณวิเคราะห์ดู technology และ facility ต่างๆที่เค้าให้มา ผมว่าคุ้มค่าครับ ยิ่งเราอยู่เอง เราก็จะได้ใช้ facility เหล่านั้น ผมถือว่าเป็นการ upgrade คุณภาพชีวิตของเรา เหมือนเราเข้ามา retreat ตัวเองมาอยู่ใน resort ใจกลางเมือง โอ้ย สบาย

สุดท้ายท้ายสุด ฝากดู music video ออกจาก loop กันหน่อย ผมว่าเป็นการ marketing คอนโดที่แนวที่สุดของปีนี้แล้วครับ

Comments

comments